[แปล] 10 Days With My Devil - Kakeru Kamui : Main Story ตอนที่ 3


ที่หน้าบ้านเดมอน

ทั้งคู่กลับมาจากการตะเวนราตรีบนท้องฟ้า

แล้วก็มีหมาชิวาวาวิ่งเล่นผ่านมา นางเอกดีใจรีบเรียกมันมาอุ้มเล่น

แต่คาเครุกลับทำหน้าแปลกๆทันทีที่เห็น

นางเอกถาม เขากลัวหมาเหรอ?

เขาตอบ เปล่า แต่ก็ยังทำหน้าเก้ๆกังๆอยู่

เธอเลยลองแกล้งยื่นหมาเข้าไปใกล้ๆหน้าเขา แล้ว….

คาเครุร้องเสียงหลงตกใจขึ้นมาทันที

นางเอกตลกที่เขากลัวแม้กระทั่งหมาตัวเล็กๆ

แล้วนางเอกก็ปล่อยหมาน้อยให้กลับไปหาเจ้าของที่เรียกหาอยู่

คาเครุเข่าทรุดลงไปนั่งกับพื้นแล้วบอก
เขาไม่ได้กลัวหมาหรอก แต่เขาก็แค่ไม่ชอบมันก็เท่านั้น

นางเอกลงไปนั่งหยองๆ มองหน้าเขาแล้วถามว่า
แล้วทำไมเขาถึงไม่ชอบหมากันล่ะ?

คาเครุบอก เขาเคยถูกหมากัดตอนเด็กๆ มันเข้ามาหาเขาพร้อมกับส่ายหาง
เหมือนกับว่าต้องการจะเล่นด้วย เขาก็เลยลูบหัวมัน
แต่แล้วจู่ๆ มันก็กัดเขา!

นางเอกถาม กัดถึงขนาดเลือดไหลเลยเหรอ?

คาเครุบอก เปล่า ไม่มีแม้แต่รอยเขี้ยวด้วยซ้ำ คงเพราะมันยังเป็นเด็กอยู่น่ะ

นางเอก ไม่ใช่ว่ามันกำลังแสดงความรักอยู่เหรอ?
บางทีหมาก็ชอบงับคนเล่น เพราะอยากจะเล่นด้วยนะ

คาเครุบอกแล้วจะรู้ได้ไงว่ามันคิดอย่างนั้นจริง

นางเอกบอกก็เพราะเวลาเธออยู่กับเขา เธอก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันไง

คาเครุยิ้มแล้วลุกขึ้น ตบหัวนางเอกเบาๆ แล้วชวนเข้าบ้านกัน
.
.

พอเข้ามาในบ้าน 

คาเครุบอกนางเอกให้หยุดก่อน มีใครบางคนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

ที่ห้องนั่งเล่นมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่กับซาโตรุ

ซาโตรุบอกให้เขากลับไปได้แล้ว คาเครุน่าจะกลับดึก

ชายแปลกหน้ายืนยัน เขาจะรอนายน้อยคาเครุ

คาเครุบอกนางเอก นั่นคือ ชิโด พ่อบ้านประจำตระกูลคามุย 
เขาไม่รู้ว่าชิโดมาทำไม แต่ถ้าชิโดพบนางเอกขึ้นมา จะต้องเป็นเรื่องแน่
เขาก็เลยบอกให้เธอไปซ่อนในสวนก่อน เดี๋ยวจะให้ชิกิไปรับ
.
.

ที่สวนในบ้านเดมอน

ชิกิมาหานางเอก บอกว่า คาเครุให้เขามารับเธอไปซ่อนที่ห้องเขา
.
.

ที่ห้องของชิกิ

พอเข้ามาในห้อง ชิกิก็บอกนางเอกว่า อย่าทำห้องรกล่ะ

นางเอกบอก ไม่แน่นอน ก็มันไม่มีของที่จะให้ทำรกนี่น่า
(ทั้งห้องมีแต่เตียง)

แล้วชิกิก็ถามว่าเธอว่าอยากอ่านอะไรฆ่าเวลาไหม? 
 ถ้าเบื่อ จะเล่นเนตไปก่อนก็ได้นะ

นางเอกเงียบ...

ชิกิถาม เงียบทำไม? มีอะไรเหรอ?

นางเอกบอก เธอแค่กำลังคิดว่าชิกิใจดีกว่าที่เธอคิด

ชิกิบอก เขาเปล่า เขาไม่ได้ใจดี เขาก็แค่ไม่เชื่อใจพวกมนุษย์
แต่สำหรับเธอแล้ว เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาสามารถเชื่อใจเธอได้
แล้วก็บอก เขาจะนอนแล้ว

ชิกิล้มตัวนอนบนเตียงแล้วก็พูดพึมพำออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่คาเครุ ขอความช่วยเหลือจากเขา
คาเครุไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใครมาก่อน
เวลามีปัญหา เขาก็พยายามที่จะแก้ด้วยตัวเองตลอด

เขาไม่เคยแสดงความผิดพลาดใดๆออกมา
มันก็ดูดีหรอก แต่บางทีเห็นแล้ว มันก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดน่าดู….
เขาไม่เก่งเรื่องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเลย

นางเอกมองหน้าชิกิแล้วบอก
ภาพลักษณ์ของเดมอนเปลี่ยนไปในสายตาเธอเลย
ทุกคนต่างคิดถึงกันและกัน ต่างเห็นใจกัน
ดูรักกันกลมเกลียวกันมากกว่ามนุษย์ซะอีก

ชิกิบอก เดมอนก็คือเดมอน

นางเอกพูดต่อ ก็คงอย่างที่เขาพูดกัน อย่าตัดสินหนังสือจากปก

ชิกิมองหน้านางเอกแล้วบอกเธอเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ

แล้วนางเอกก็บอกให้เขาห่มผ้าตอนนอนด้วย ไม่งั้นจะเป็นหวัดเอา

ชิกิบอกปัดใครสนใจกัน

นางเอกบอก เธอสน เดมอนก็ป่วยเป็นเหมือนกัน!


ชิกิเขินแล้วบอก เป็นผู้หญิงที่แปลก แล้วยังชอบยุ่งเรื่องคนอื่นอีก

นางเอกเถียงกลับ เดมอนหยาบคาย!

แล้วเธอก็นั่งไปทับถูกขาชิกิ เขาบ่นออกมาด้วยความเจ็บ

นางเอกบอก เธอขอโทษ ที่เธอต้องมาวุ่นวายในห้องเขา
ถ้าชิโดกลับไปเมื่อไร เธอจะรีบออกไปทันที

แล้วชิกิก็บ่นพึมพำออกมา ว่าเธอจะอยู่ก็ได้... ถ้าเธออยากอยู่
เพราะเธอก็คงกลับไปนั่งซึมที่ห้องคนเดียวแน่ๆ
ถ้าเขาปล่อยเธอกลับไปแบบนี้

นางเอกคิดในใจ ชิกิกับทุกๆคนในบ้านเดมอนนี้ ต่างใจดีกับเธอจริงๆ
แต่นั่นมันยิ่งทำให้เธอปวดใจ ที่เธอมีแต่สร้างปัญหาให้กับพวกเขา
.
.
ตกกลางดึก นางเอกนอนไม่หลับ เธอเลยลงมาห้องนั่งเล่น
.
.

 ที่ห้องนั่งเล่น

คาเครุกำลังนอนสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา อย่างกับฉากในหนังไม่มีผิด
เธออยากจะจดจำภาพนี้ไว้ก่อนเธอจะตายจริงๆ

คาเครุถามเธอลงมาทำอะไร?

นางเอกตอบว่า เธอนอนไม่หลับ ก็เลยลงมาดื่มน้ำ 

แล้วเธอก็ถามเขาถึงเรื่องของชิโดล่ะ เป็นไงบ้าง?

คาเครุบอก พ่อของเขารู้เรื่องที่เขาปฏิเสธคำชวนของสาวที่คลับ
ก็เลยส่งชิโดมาเช็คเขา ตอนนี้เขาคงโดนพ่อจับตามองน่าดู

นางเอกเดินเข้าไปหาคาเครุแล้วบอก เขาจะช่วยเผาเธอตอนนี้เลยได้ไหม?

คาเครุตกใจถามเธอพูดจริงเหรอ?

นางเอกบอกการที่เธอยังอยู่ก็จะมีแต่สร้างปัญหาให้ทุกคน
เพราะความเห็นแก่ตัวของเธอ
แต่เธอมีคำขออยู่ 2 ข้อ อยากให้เขาช่วยทำให้เธอหน่อย

อย่างแรก เธออยากให้เขาช่วยกอดเธอไว้ตอนที่เธอกำลังถูกเผา
แล้วหลังจากนั้นก็ช่วยให้ชิกิใช้พลังลบความทรงจำของพี่สาวเธอที
เธออยากให้พี่สาวเธอได้อยู่อย่างมีความสุข

คาเครุยกมือขึ้นปิดปากนางเอกบอกให้เธอหยุดพูดอะไรไร้สาระซะ

คาเครุบอก เธอคิดว่าจะฉีกสัญญาที่ทำไว้กับเดมอนง่ายๆแบบนี้เหรอ?
เขาจะไม่เผาเธอโดยเด็ดขาด จนกว่าเธอจะได้เห็นหน้าหลาน

เขาจะไม่ยอมส่งตัวเธอให้กับพวกแองเจิ้ลหรือชิโดโดยเด็ดขาด

นางเอกซึ้งกับคำพูดของเขาที่ยอมทำเพื่อเธอขนาดนี้

คาเครุพูดต่อ เขาบอกนางเอกให้จำไว้อย่าง
เธอเหลือเวลาอีกแค่ 3 วัน ที่จะตอบแทนเขานะ

นางเอกคิดในใจ ความใจดีของคาเครุ ช่วยเธอไว้อีกแล้ว
แต่เธอจะตอบแทนเขาได้ยังไงล่ะ...

แล้วคาเครุก็ลุกไปเอาไอศครีมจากตู้เย็นมาให้เธอ
เขาบอกให้เธอทานซะหัวจะได้เย็นลงบ้าง

นางเอกน้ำตาไหล ร้องไห้ออกมา

คาเครุบอก อย่าร้องไปทานไปแบบนั้นสิ

นางเอกบอก ช่างเธอเถอะน่า
ว่าแต่เขาเหอะ สูบบุหรี่แบบนั้น มันไม่ดีต่อปอดนะ

คาเครุบอก เงียบซะ ทำไมมนุษย์ต้องมาเป็นห่วงเดมอนกันด้วยนะ?

นางเอกเถียงกลับ แล้วทำไมเขาต้องเครียดไปกับทุกเรื่องกันด้วยนะ?

คาเครุบอก เงียบเหอะน่า

นางเอกเลยแก้เผ็ด จักจี๋เขา

คาเครุบอกให้เธอหยุด แล้วจับมือเธอกดลงกับโซฟา
แล้วบ่นว่าเธอทำตัวเป็นเด็กๆไปได้

นางเอกต่อปากต่อคำ นึกว่าเขารับมือกับเด็กไม่ได้ซะอีก

คาเครุบอก เขารับมือไม่ไหวจริงๆ พวกเด็กชอบทำอะไรตามใจตัวเอง
แถมยังชอบทำให้ทุกคนหัวหมุนไปหมด

นางเอกถามแล้วเธอล่ะ เธอก็ทำให้เขาหัวหมุนด้วยเหมือนกันเหรอ?

คาเครุตอบ ก็บางทีนะ... อย่างที่เคยบอก
เวลาอยู่กับเธอแล้วเขารู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองเลย

แล้วคาเครุก็บอกว่า ไปนอนกันได้แล้ว เธอและเขามีงานต้องทำพรุ่งนี้อีก
นางเอกบอก เดี๋ยวก่อน....ขอเธออยู่อย่างนี้สักพักหนึ่งนะ
แล้วเธอก็เอียงตัวไปแนบชิดกับเขา

คาเครุเขิน แต่ก็ปล่อยเธอยู่แบบนั้น

แล้วจู่ๆ คาเครุก็บอกมีคนมา ให้เธอหลบซะ

เป็นซาโตรุที่โผล่มา บอกเขารู้นางเอกอยู่ด้วยไม่ต้องหลบหรอก
แล้วซาโตรุก็แซวคาเครุ จนเขาเขิน

แล้วคาเครุก็ทักขึ้นมาว่า มือถือนางเอกดัง

เธอชมเขาใหญ่ เดมอนหูดีจังเลย

คาเครุบอกโทรมาดึกแบบนี้ จะต้องเป็นเรื่องฉุกเฉินแน่นอน!
.
.
ที่โรงพยาบาล

นางเอกรีบมาโรงพยาบาลโดยทันทีที่ทราบเรื่อง

พี่เขยบอก มาโกโตะเริ่มรู้สึกเจ็บท้องตอนกลางดึกแล้ว....

แล้วหมอก็เดินเข้ามา แจ้งอาการของมาโกโตะ

หมอบอกว่ามาโกโตะเกิดอาการภาวะแทรกซ้อน
รกลอกตัวก่อนกำหนด ซึ่งมีความหมายว่าจะต้องสูญเสียเลือดด้วย

ในกรณีนี้ มาโกโตะจำเป็นต้องพักผ่อนก่อน ทางเราจะเฝ้าจับตาดูเธอย่างใกล้ชิด
แต่ถ้าบางทีอาจจำเป็นจะต้องผ่าคลอด


หลังจากฟังหมอแจ้งอาการของมาโกโตะเสร็จ พี่เขยก็ขอตัวไปเฝ้ามาโกโตะ

คาเครุเลยบอกให้นางเอกนอนพักผ่อนซะ
เขาโทรแจ้งผู้จัดการบอกเรื่องของเธอให้แล้ว
ส่วนตัวเขาในฐานะคู่หมั้นของเธอ จึงจำเป็นต้องอยู่ด้วย
แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เขาจะโทรลาบริษัทให้อีกที

นางเอกขอบคุณที่เขาอยู่ด้วย
แต่เธอนอนไม่หลับเพราะยังรู้สึกช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่

คาเครุเลยอุ้มเธอวางบนเตียงแล้วบอกให้เธอนอนซะ
เขาก็จะนอนอยู่เตียงข้างๆ

พอตกกลางดึก จู่ๆ นางเอกก็ตะโกนเรียกชื่อพี่สาวเธอออกมา

คาเครุตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมาถามเธอเป็นอะไรไป? ฝันร้ายเหรอ?

นางเอกบอกเธอฝันร้าย เธอฝันเห็นทั้งพี่สาวเธอกับลูกไม่รอด...
แล้วถ้าเกิดมันเป็นความจริงล่ะ.... เธอจะทำยังไงดี....

 แล้วน้ำตาเธอก็ไหลออกมาไม่หยุด

คาเครุเลยบอกให้เธอมานอนเตียวเดียวกับเขา แล้วเขาก็อ้าแขนรอรับเธอ

เธอยอมเชื่อฟัง ปีนขึ้นเตียงเขาแต่โดยดี

แล้วคาเครุก็สวมกอดนางเอกจากทางข้างหลัง
และก็กระซิบราตรีสวัสดิ์ที่ข้างหูเธอ

อ้อมกอดของเขาทำให้จิตใจของเธอรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก
เธอรู้สึกปลอดภัย เมื่อได้อยู่ข้างกายเขา
.
.

เช้าวันต่อมา
  
ซาโตรุมาหานางเอกกับคาเครุที่โรงพยาบาล
เขาบอกว่าเขาผ่านมาแถวนี้ ก็เลยแวะเข้ามาเยี่ยม

เขายื่นถุงกระดาษส่งให้นางเอก
บอกเขาซื้อไอศครีมรสโปรดของเธอมาฝากด้วย
และก็ยังแพคข้าวของของทั้งคู่มาให้ด้วย
เพราะเห็นว่าทั้งคู่คงต้องอยู่โรงพยาบาลกันอีกสักพัก

แล้วเขาก็ยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าส่งให้คาเครุและนางเอก

ซาโตรุหันมามองหน้านางเอกแล้วแซวเธอว่าชุดชั้นในของเธอดูน่าเบื่อจัง
เขาสงสารหนุ่มๆที่จะต้องมาถอดชั้นในที่น่าเบื่อนี้จัง แล้วก็หัวเราะ

นางเอกเขินปนโมโหเขามาก

ส่วนคาเครุตัวสั่นเพราะกลั้นหัวเราะไว้อยู่

แล้วพี่เขยก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาหานางเอก  มาโกโตะฟื้นแล้ว!
.
.

ที่ห้องพักคนไข้

มาโกโตะบอกเธอขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง
แล้วคาเครุก็ยังต้องมาหยุดงานเพราะเธอ

คาเครุบอกไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก
คิดถึงเรื่องเด็กในท้องไว้ก่อนจะดีกว่า

มาโกโตะบอก เธอดีใจที่คาเครุอยู่ที่นี่เพื่อนางเอก
 เพราะถึงภายนอกจะเห็นว่านางเอกเป็นคนเข็มแข้ง มีทุกอย่างพร้อม 
แต่จริงๆแล้วนางเอกเป็นคนที่ขี้กลัวแล้วก็ขี้เหงามากเลยด้วย

คาเครุบอกเขารู้เรื่องนั้นดี แล้วก็ดึงนางเอกเข้ามาโอบ
พร้อมบอกว่าเขากับนางเอกหมั้นกันแล้ว ดังนั้นให้มาโกโตะสบายใจได้

มาโกโตะแสดงความดีใจด้วยกับทั้งสองคน

แล้วเธอก็หันไปพูดกับคาเครุว่าเธอขอพูดในฐานะของพี่สาวนางเอก
นางเอกเป็นเด็กดีจริงๆ แล้วเธอก็หวังว่าจะได้เห็นนางเอกมีความสุข

คาเครุตอบรับอย่างจริงจัง

นางเอกคิดในใจ เธอรู้แก่ใจว่าทั้งหมดนี้คือการเล่นละคร แต่ถึงอย่างนั้นก็.....
.
.

ช่วงกลางวัน

นางเอกขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อเอาเสื้อผ้าพี่สาวไปตาก
แล้วเธอก็เจอคาเครุกำลังคุยกับซาโตรุอยู่

ซาโตรุบอกคาเครุว่ายอมให้ความรู้สึกที่แท้จริงออกมาแล้วเหรอ?
เขาได้ยินที่คาเครุพูดกับพี่สาวนางเอกนะ

คาเครุบอก ความรู้สึกแท้จริงของเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้
เขาก็แค่เล่นละครไปตามน้ำ เพื่อให้พี่สาวนางเอกสบายใจ

ซาโตรุยิ้ม ถามกลับแค่นั้นจริงเหรอ?

คาเครุพูดกลับ ว่าแต่ซาโตรุเถอะ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาแถวนี้เลยไม่ใช่เหรอ?
แถมยังช่วยแพคข้าวของมาให้อีก ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆเหรอ?

ซาโตรุยิ้มๆ แต่ไม่ตอบอะไร

แล้วคาเครุก็บอกซาโตรุว่า อย่าลืมล่ะ... เหลืออีกแค่ 3 วันเท่านั้น
นางเอกก็จะต้องถูกเผาตามที่ตกลงกันไว้

ซาโตรุบอก ให้คาเครุพูดเรื่องนี้กับตัวเองเถอะ

แล้วซาโตรุก็จากไป

คาเครุบ่นพึมพำกับตัวเอง ความรู้สึกที่แท้จริงงั้นเหรอ...

แล้วก็มีเด็กวิ่งมาชนคาเครุ แล้วล้มไปร้องไห้

นางเอกคิดในใจ เธอจำได้ว่าคาเครุไม่ถูกกับเด็กนี่ แล้วเขาจะทำยังไงเนี่ย?

คาเครุลงไปอุ้มให้เด็กน้อยลุกขึ้น
แล้วบอกเด็กผู้ชายไม่ควรร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นง่ายๆนะ

เด็กชายบอกแต่แม่ของเขาบอก ถ้าเขาอยากร้องก็ร้องออกมาได้เลยนี่
แล้วถามคาเครุกลับ เขาไม่เคยร้องไห้เลยเหรอ?

คาเครุบอกไม่เลย ไม่เลยสักครั้ง
แล้วก็ถามแม่อยู่ไหน? เดี๋ยวเขาพาไปส่ง

เด็กชายขอจูงมือเขาไปด้วย แล้วทั้งคู่ก็จูงมือกันลงจากดาดฟ้าไป

นางเอกมองภาพทั้งคู่จูงมือแล้วคิด เธอก็อยากจะสร้างครอบครัวกับเขาบ้าง
ครอบครัวที่พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะหวัง
เธอเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 3 วันเท่านั้นเอง
.
.

กลับมาที่ห้องพัก

ทั้งคู่กำลังทานแอปเปิ้ลที่คาเครุปอกเอง เป็นรูปกระต่าย

แล้วก็มีใครไม่รู้มาทักที่หน้าห้อง นางเอกสงสัยพยาบาลไม่น่ามาทำอะไรที่นี่

คาเครุบอกมีใครบางคนแกล้งปลอมตัวเป็นพยาบาล

แล้วคนนั้นก็เข้ามาในห้อง เรนนั่นเอง!

คาเครุรีบมายืนข้างหน้านางเอก เพื่อปกป้องเธอ

เรนต่อว่าคาเครุที่ปิดบังผู้ถูกเผาไว้ แล้วก็บอกให้ส่งเธอมาซะ

ทั้งคู่เผชิญหน้า จ้องตากันแบบไม่วางตา


เรนยืนยันให้คาเครุส่งตัวนางเอกมาให้ซะ

แล้วจู่ๆประตูห้องก็เปิดออก 
ชิกิเดินเข้ามา เอาเข็มฉีดยาปักคอเรนทันที

เรนสลบ ล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น

คาเครุตกใจ ถามชิกิมาทำอะไรที่นี่?

ชิกิบอกเขาแวะมาดูว่าทั้งสองคนเป็นยังไงบ้าง
พอเขามาถึงโรงพยาบาลก็เห็นเรนกำลังจะเข้ามาในห้องพักของทั้งคู่
เขาก็เลยขโมยยานอนหลับกับเสื้อกาวน์มา เผื่อจำเป็นต้องใช้

แต่ตอนนี้คิดว่าเสื้อกาวน์นี่คงไม่จำเป็นแล้ว เขายกให้
ทั้งสองคนจะเอาไปใส่คอสเพลย์เล่นกันก็ได้นะ

คาเครุยิ้มรับด้วยความเต็มใจ

นางเอกตอบปฏิเสธแบบเขินๆ ไม่เด็ดขาด! ขอบคุณ!

แล้วชิกิก็ยื่นถุงกระดาษให้กับนางเอก
เขาคิดว่าเธออาจจะเบื่อ ก็เลยเอาหนังสือมาให้อ่าน
แล้วในนั้นมีเครื่องรางที่ฮารุฮิโตะทำเองด้วย เป็นตุ๊กตาหมูพิกเลท (Piglet)
ฮารุฮิโตะฝากอวยพรให้พี่สาวของเธอคลอดอย่างปลอดภัย

นางเอกรู้สึกตื้นตันใจที่ทุกคนใจดีกับเธอถึงขนาดนี้

 คาเครุถามชิกิ แล้วจะทำยังไงกับเรนดี?

ชิกิบอก ก็จับไปขังไว้ที่บ้านก่อนได้ไหม? แค่ 3 วันเองนี่
แล้วหลังจากนั้นเขาจะใช้พลังลบความทรงจำซะ

นางเอกถามขึ้นมาด้วยความกังวล มันจะดีเหรอ? ไม่เป็นไรแน่น่ะ?

ชิกิหันไปถามนางเอก เธอยังอยากจะเจอหน้าหลานอยู่ใช่ไหมล่ะ?

นางเอกบอกขอบคุณเขา ขอบคุณมาก!
แล้วถามว่าทำไมชิกิต้องทำเพื่อเธอถึงขนาดนี้ด้วย?

ชิกิบอก เขาก็แค่ชอบอาหารที่เธอทำ...
เขาอยากให้เธอทำราเมนร้อนๆให้เขาทานมั่ง

นางเอกตอบรับด้วยความเต็มใจ
เมื่อเธอกลับไป เธอจะทำให้เขาทานอย่างเต็มที่เลย!

แล้วชิกิก็บอกเดี๋ยวเขาจะจัดการเรื่องเรนเอง
เขาลากเรนขึ้นเตียงเข็นแล้วก็เข็นออกไป

นางเอกหันมาขอโทษคาเครุ ที่เรื่องมันวุ่นวายขนาดนี้ก็เพราะเธอ

คาเครุบอก ถ้ามันเป็นเพราะเธอจริงๆ เขาจะยอมอยู่ตรงนี้เพื่อเธอเหรอ?

นางเอกตอบ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันสิ

คาเครุบอก เหลือ เวลา  3 วัน ลองคิดดูด้วยตัวเองล่ะกัน
.
.

บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล

ตอนเย็นหลังทานอาหารเย็นเสร็จ ทั้งสองคนก็ขึ้นบนมานั่งเล่นที่ดาดฟ้า

แล้วคาเครุก็มองไปที่ต้นแปะก๊วยที่โรงพยาบาลปลูกไว้ 
เขาบอกต้นแปะก๊วยนั่นนั่นทำให้เขานึกถึงความหลัง
สมัยตอนที่เขายังเป็นเด็กนักเรียนอยู่
เขาอยู่โรงเรียนประจำชายล้วน แล้วก็เคยอยู่ชมรมฟันดาบด้วย

นางเอกถาม แล้วเมกุรุล่ะ? ก็เรียนที่โรงเรียนเดียวกับเขาเหรอ?

คาเครุตอบ เปล่า เมกุรุเรียนที่โรงเรียนธรรมดาทั่วไปแถวๆปราสาท

นางเอกเลยถาม ต้องอยู่โรงเรียนประจำเขารู้สึกเหงาบ้างไหม?
เขาคงไม่ได้เจอหน้าครอบครัวบ่อยๆสินะ

คาเครุตอบ ก็คงงั้น พ่อเขาไม่ค่อยว่างเท่าไรหรอก
เพราะต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา
ส่วนแม่เขาก็ไม่ค่อยได้อยู่ดูแลเขามาตั้งแต่แรกแล้ว

นางเอกนึกสงสัยเรื่องแม่ของเขาเลยถามขึ้นมา ทำไมล่ะ?

คาเครุเล่าให้เธอฟัง แม่ออกจากบ้านไป ตั้งแต่ตอนที่เขาอายุได้ 10 ขวบ
เธอทนอยู่ในกฎเกณฑ์มารยาทที่เข้มงวดไม่ได้

แล้วหลังจากนั้นแม่ของเมกุรุก็เข้ามาแทนที่แม่ของเขา
แม่ของเมกุรุเป็นชู้กับพ่อของเขา
และตอนนี้ก็ได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย

นางเอกถามแล้วแม่ของเขาทิ้งเขาไว้แล้วจากไปตามลำพังเหรอ?

คาเครุบอกใช่ เขาเป็นเด็กที่ถูกทิ้งไว้…

แล้วเขาก็บอกนางเอก อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ
ยังไงเขาก็ไม่ได้สนิทอะไรกับแม่เขามากอยู่แล้ว
เขาพูดได้เลยว่าเขาถูกชิโดเลี้ยงดูจนโตมา

นางเอกนึกถึงคืนที่เขาและเธอไปเที่ยวเล่นบนท้องฟ้าด้วยกัน
เขาบอกว่าเธอว่าเขาไม่เคยได้รู้สึกความอบอุ่มของอ้อมกอดพ่อแม่
นี่เขาต้องอยู่ด้วยตัวคนเดียวตามลำพังมาโดยตลอดเลยเหรอ?

นางเอกเข้าสวมกอดเขาโดยไม่ได้คิดอะไร
แล้วเธอก็รู้สึกได้ถึง... กลิ่นอาหารที่ติดที่เสื้อคาเครุ
.
.

กลับมาที่ห้องพัก

คาเครุบ่นใส่นางเอกที่ทำแกงกระหรี่กระเด็นมาโดนเสื้อของเขา

เขาถอดเสื้อออก บอกให้นางเอกส่งเสื้อจากกระเป๋ามาให้เขา

เธอหยิบเสื้อเขาออกมา แล้วก็หัวเราะไม่หยุด
เธอตลกกับสโลแกนบนเสื้อเขา เธอแซวเขาไม่หยุด

คาเครุเลยเอาคืน โดยบอกเขาต้องทำการตรวจปากที่หยาบคายนั่นหน่อยล่ะ 

เขาหยิบเสื้อกาวน์ที่ชิกิขโมยมาเมื่อตอนบ่าย
เขาสวมมันแล้วหยิบแว่นในกระเป๋าเสื้อมาใส่

นางเอกตื่นเต้นกับลุคของคุณหมอของเขาในตอนนี้สุดๆ เขาดูดีมากๆเลย

แล้วคาเครุก็เดินเข้ามาหานางเอก เขาเอาหูฟังมาแตะที่หน้าอกเธอ!

นางเอกเขินรีบต่อว่าเขากลับทันที

คาเครุขำกับปฏิกิริยาของเธอ แล้วเขาก็หยุดแหย่เธอ
  
คาเครุถามนางเอกว่าเธอเคยจูบกับใครไหม?

นางเอกบอกเธอไม่ขอตอบ

คาเครุเลยบอกว่างั้นเขาขอเดาว่าเธอต้องไม่เคยแน่ๆเลย

นางเอกโมโหว่าเขากลับ เธอไม่เหมือนเขานี่! เธอไม่ใช่พวก....

คาเครุถาม อะไรล่ะ? พวกไม่จริงจังกับใคร? เพลย์บอย?
เล่นไปทั่ว? อย่างนั้นเหรอ?

นางเอกคิดนั่นล่ะ สิ่งที่เธออยากจะพูด

คาเครุยิ้มให้เธอแล้วบอกเสียใจด้วย เขาไม่ใช่พวกคนแบบนั้น
เขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องจีบสาวเล่นไปเรื่อย

นางเอกเลยถามเขากลับ
ถ้าเขามีภรรยา เขาจะซื่อสัตย์กับเธอคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?

คาเครุตอบอย่างเต็มปาก ใช่ เขามีแค่เธอคนเดียว

นางเอกรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจเธอ ทันทีที่ได้ยินคำตอบจากปากเขา

ที่จริง... เธอก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา
เธออยากจะเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเขา แต่ความฝันนั้นไม่มีทางมีวันเป็นจริง
เธอไม่มีวันที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในอนาคตของเขา
เพราะเวลาของเธอไม่มีเหลืออีกแล้ว....

ตกกลางดึก พี่เขยรีบวิ่งเข้ามาหานางเอกแล้วบอก
มาโกโตะอาการแย่ลง เลือดไหลไม่หยุด ต้องเข้ารับการผ่าคลอดด่วน!

เหล่าเดมอน  รีบพุ่งตรงมาหาคาเครุและนางเอกที่โรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ

ทั้งโรงพยาบาล พวกนางพยาบาลต่างวิ่งวุ่นกันไปหมด

พี่เขยก็ถูกคุณหมอเชิญตัวออกไปคุยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

นางเอกเริ่มรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ

เธอถามคาเครุว่าพี่สาวเธอเป็นยังไงบ้าง?

คาเครุบอกให้เธอเงียบ แล้วก็ทำท่าเหมือนกำลังฟังอะไรอยู่

ชั่วครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นมา เขาได้ยินจากบทสนทนาในห้องผ่าตัดนั่น
คุณหมอบอกว่าอาการของทั้งแม่และลูกไม่สู้ดีนัก
หัวใจทั้งคู่เริ่มเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ... ในกรณีนี้... ไม่แน่ อาจจะ.....

นางเอกช็อคตกใจอย่างขีดสุด
เธอจับมือคาเครุแล้วบอกให้เขาเผาเธอซะ! เดี๋ยวนี้! ได้โปรด!
เผาเธอซะ! แล้วช่วยพี่สาวกับหลานเธอไว้ด้วย! ได้โปรดเถอะนะ!

เธอไม่ต้องการไปเกิดใหม่! ...เธอยินดีให้ชีวิตนี้เป็นชีวิตสุดท้ายของเธอ!
แต่ได้โปรด! ช่วยสองคนนั้นไว้ด้วยทีเถิด!

คาเครุกุมขมับคิดสักครู่...

เขาก็หันไปบอกชิกิให้ช่วยใช้พลังจัดการควบคุมหมอกับพยาบาล
แล้วปล่อยให้เขาเข้าไปในห้องผ่าตัดที


ชิกิตอบรับคำสั่งคาเครุ แล้วก็ออกจากห้องไป

ซาโตรุถามคาเครุว่าเขาคิดจะทำอะไรกันเหรอ?

คาเครุบอกเขาจะเพิ่มพลังชีวิตให้กับพี่สาวนางเอกและลูกของเธอ

ซาโตรุบอกแต่ชะตากรรมพวกเขาใกล้ถึงฆาตแล้วนะ?!
รู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเข้าไปขวาง...?!

คาเครุบอก เขารู้ เขาพร้อมที่จะรับผลในการกระทำของเขาอยู่แล้วล่ะ
.
.

ที่ห้องผ่าตัด

ชิกิจัดการใช้พลังควบคุมทุกคนในห้องผ่าตัดเรียบร้อย

ซาโตรุแตะที่มือของพี่สาวนางเอกแล้วบอก เขามองเห็น 2 อนาคต...
1 ชีวิตรอด 1 ชีวิตดับ แต่ท่าทางสวรรค์ยังไม่ได้กำหนดให้ใครรอดหรือดับ...

ชิกิเช็คคอมแล้วบอก ยังไม่มีรายชื่อทั้งคู่ขึ้นในทะเบียนผู้ถูกเผา
ถ้าตัดสินได้เมื่อไร ก็คงจะปรากฏในรายชื่อทันที

แล้วฮารุก็พูดขึ้นมาว่า หัวใจพี่สาวนางเอกหยุดเต้นแล้ว!

คาเครุรีบบอกให้ทุกคนถอยไป แล้วเขาก็จับแขนพี่สาวนางเอก

ซาโตรุถามคาเครุด้วยใบหน้าที่ซีเรียส
แน่ใจแล้วเหรอที่จะเสี่ยง? มันอาจอันตรายถึงชีวิตเลยนะ...

คาเครุตอบรับด้วยความเต็มใจว่าเขาแน่ใจ

คาเครุหันมามองหน้านางเอกพร้อมบอก
เขาจะทำทุกอย่าง เพื่อช่วยสองชีวิตนี้ไว้ให้ได้

แล้วทันใดนั้น มือของคาเครุก็สว่างจ้าขึ้นมา แสงสว่างระเบิดไปทั่วห้องชั่ววูบหนึ่ง

ทุกคนคอยลุ้นและเฝ้าจับตาดูคาเครุอย่างใจจดใจจ่อ

ชิกิบอก สัญญาณหัวใจยังไม่กลับคืนมาเลย!

สีหน้าคาเครุซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

ซาโตรุพยายามบอกให้คาเครุหยุดซะ! ถ้าฝืนทำต่อเขาก็จะ...!

คาเครุไม่สนใจ ยังคงพยายามใช้พลังต่อไป 

จนหัวใจพี่สาวนางเอกกลับมาเต้นอีกครั้ง

แล้วคาเครุก็บอกให้ชิกิถอนการควบคุมทั้งห้อง ให้พวกเขากลับมาจัดการพี่สาวเธอต่อ

ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็สลบลงไปนอนกับพื้น
.
.

ที่ห้องพัก

นางเอกเข้ามาบอกทุกคนว่าพี่สาวกับหลานเธอปลอดภัยแล้ว
แต่หมอยังห้ามไม่ให้เข้าเยี่ยมตอนนี้
แล้วคาเครุเป็นยังไงบ้าง? มีทางไหนที่เธอพอจะช่วยเขาได้ไหม?

ฮารุฮิโตะบอก มันไม่ใช่ความเจ็บป่วย เพราะฉะนั้นไม่มีใครช่วยอะไรเขาได้เลย
ก็ได้แต่หวังว่าพลังชีวิตของเขาจะแกร่งพอที่จะฟื้นกลับคืนมาได้

แล้วซาโตรุก็บอกให้พาคาเครุกลับไปที่บ้านเดมอนก่อนดีกว่า
.
.

ที่ห้องของคาเครุ

คาเครุยังคงนอนซม สีหน้าขาวซีด ไร้ปฏิกิริยาใดๆ

ซาโตรุบอกให้นางเอกไปพักบ้าง เธอเฝ้าคาเครุมาตลอดไม่หลับไม่นอนเลย

นางเอกบอกไม่เป็นไร ขอบคุณ... เธออยากจะอยู่ข้างๆเขา ตอนที่เขาตื่น

ชิกิถามนางเอก เธอโทษตัวเองเรื่องที่เกิดขึ้นเหรอ?

นางเอกบอก เพื่อพี่สาวกับหลานสาวของเธอ
คาเครุถึงกับต้องยอมเสี่ยงชีวิตถึงขนาดนี้ เธอ....

ชิกิบอก เดมอนไม่มีประสบการณ์เรื่องความตายหรอกนะ
เมื่อพลังชีวิตหมด พวกเขาก็ค่อยๆจางหายไปเอง

ทุกคนออกไปจากห้อง เหลือแค่นางเอกกับคาเครุตามลำพัง

แล้วมือคาเครุก็ยกขึ้นเหมือนพยายามควานหาอะไรสักอย่าง

นางเอกรีบคว้ามือเขามากุมไว้ แล้วบอก
เธออยู่นี่ เธอจะคอยอยู่ข้างๆเขา จนกว่าเขาจะตื่น

นางเอกลูบแก้มเขา พร้อมบอก เธอรักเขานะ อย่าทิ้งเธอไว้แบบนี้สิ
แล้วเธอก็ก้มตัวลงไปจูบเขา

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

เมกุรุเดินเข้ามาในห้อง เขาขอให้ฮารุฮิโตะปล่อยตัวเขามา

แล้วเมกุรุก็ถามนางเอกว่าเธอรักพี่ชายเขาเข้าแล้วใช่ไหม?
บอกได้ไหมว่าเมื่อไรกันเหรอ?

นางเอกตอบ ตอนแรกเธอคิดว่าเขาเป็นพวกหยิ่งยโส คนเย็นชา
แต่พออยู่ด้วยกันไป ความอบอุ่นของเขาก็ค่อยๆเข้ามาในใจเธอ

เธอค่อยๆชอบเขามากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
กว่าเธอจะรู้ตัว เขาก็เข้านั่งอยู่กลางใจเธอซะแล้ว
 เธอรู้ดีว่าไม่ควรจะรักเขา แต่เธอก็หยุดใจตัวเองไว้ไม่ได้จริงๆ

เมกุรุบอก นั่นทำให้เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนที่พี่ชายเขาเคยเจอมาก่อน

เมกุรุบอกคาเครุเคยเล่าให้เขาฟังว่า
ผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาหาคาเครุ ต่างตกหลุมรักเขากันทั้งนั้น
แต่พวกนั้นสนใจเขาเพียงเพราะแค่หน้าตากับสถานะของเขา
แล้วพอพวกนั้นได้ใกล้ชิดกับตัวเขา รู้จักตัวตนของเขา
กลับหาว่าเขาเป็นคนเย็นชา แล้วก็ทิ้งเขาไป

แต่เธอกลับไม่ใช่ เธอเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา
เธอยอมรับเขาอย่างที่เขาเป็น เข้าใจเขาถึงตัวตนข้างในของเขา
เขาก็เลยรู้สึกสบายใจ เวลาที่เขาได้อยู่กับเธอ
เขาสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ต่อหน้าเธอ


นางเอกนึกย้อน คาเครุก็พูดอะไรที่คล้ายๆกันแบบนี้ ตอนคุยกับพี่สาวเธอ
'เขาดีใจที่ได้พบเธอ'
'เมื่อเขาเจอเธอแล้ว สิ่งเดียวที่เขารู้สึกก็คือ เขารักเธอ'
'เขาไม่สามารถปิดบังความรู้สึกเขาอีกต่อไป'
หรือว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปจะเป็นความรู้สึกของเขาจริงๆกันนะ?
คาเครุก็รู้สึกแบบเดียวกันกับเธอเหรอ?

แล้วฮารุฮิโตะกับซาโตรุก็เดินเข้ามาในห้อง

ฮารุฮิโตะบอก เซอร์บี้มาหาเขาพร้อมคาบอะไรมาก็ไม่รู้
แล้วเขายื่นขวดน้ำขวดหนึ่งออกมา

ขวดน้ำที่มีตราสัญลักษณ์อยู่

ทันทีที่เมกุรุเห็นตราสัญลักษณ์ เขาก็ตกใจรีบหยิบมาดูแล้วบอก 

นี่มันตราสัญลักษณ์ประจำตระกูล! น้ำแห่งชีวิตนี่…!
พ่อเคยบอกเขาว่าถ้าใครในตระกูลได้ดื่มน้ำนี่แล้ว พลังชีวิตจะกลับคืนมา!

ทุกคนเลยรีบเอาให้คาเครุดื่ม แต่พอเทใส่ปากเขา 

เขาก็ไอ สำลักมันออกมาหมด ไม่ยอมกลืนลงไปแม้สักหยดเดียว

นางเอกเลยบอก เอามาให้เธอ! เดี๋ยวเธอจัดการเอง!
เธอหยิบน้ำมาเทเข้าปาก แล้วก็ประกบปากเธอเข้ากับคาเครุ
เธอปล่อยน้ำออกจากปากเธอเข้าสู่เขา โดยหวังว่าเขาจะยอมกลืน

หลังจากนั้นสักครู่หนึ่ง สีหน้าของคาเครุก็เริ่มดีขึ้น

แล้วเขาก็ลืมตาขึ้น หันมามองหน้านางเอกพร้อมบอก นี่เป็นจูบที่สองแล้วนะ

ทุกคนดีใจที่คาเครุหายดีแล้ว

คาเครุถามถึงพี่สาวนางเอกว่าเป็นยังไงบ้าง?

นางเอกบอกปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเลย ต้องขอบคุณเขาจริงๆ

คาเครุยิ้มแล้วลูบหัวเธอเบาๆ....

แล้วคาเครุก็ขอทุกคนให้เขาได้อยู่ลำพังกับนางเอก

หลังทุกคนออกจากห้องไป

คาเครุก็ดึงนางเอกเข้ามาจูบทันที
จูบที่แสนเร่าร้อนอย่างที่เธอไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน...
จูบที่แสนลึกซึ้งเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก...

ทั้งคู่ผละริมฝีปากออกจากกันอย่างช้าๆ

คาเครุมองหน้านางเอกแล้วก็บอก
เขาขอโทษ ลืมเขาไปซะเถอะ ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นซะ
เขายอมเสี่ยงเอาตัวเองเข้าช่วยพี่สาวกับลูกของเธอ
เขาทำผิดต่อเผ่าเดมอน ทำผิดต่ออาณาจักร

 เวลาเขาอยู่กับเธอเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง 
เขาลืมสถานะเจ้าชายของเขาไป... เขาอยู่กับเธออีกต่อไปไม่ได้...

นางเอกถามแล้วเขาจูบเธอทำไมกัน?

เขาตอบ เขาก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน เขาหยุดตัวเองไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอะไรแบบนี้ เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่จริงๆ

นางเอกพยายามจะพูดขึ้น

แต่คาเครุเอานิ้วแตะปากเธอ เขาขอโทษจริงๆ

นางคิดในใจ ถ้าเขาตัดสินใจแบบนี้แล้ว
เขาคงไม่ยอมให้เธอได้เข้าใกล้เขาอีกแล้วสินะ...

แล้วคาเครุก็บอกกับนางเอกว่า
พรุ่งนี้เขาจะให้ซาโตรุมารับหน้าที่ดูแลเธอแทนเขา
.
.

ที่ห้องของนางเอก

นางเอกร้องไห้อย่างเสียใจอยู่ในห้อง คนเดียวตามลำพัง

 
'เขาอยู่กับเธออีกต่อไปไม่ได้'
เธอรู้ว่าเขาไม่มีวันอยู่กับเธอได้ เธอรู้ว่าต่อให้เธอรักเขาแค่ไหน
เขาก็ไม่มีวันตอบรับความรู้สึกของเธอ
เธอเป็นมนุษย์... เขาคือเดมอน... 
แล้วไหนยังเวลาของเธอที่เหลืออีกแค่ 3 วันอีก มันไม่มีทางเป็นไปได้...

เธอพยายามหยุดน้ำตาของเธอ แต่เธอหยุดมันไม่ได้
เธอไม่ควรที่จะร้องไห้ในตอนนี้สิ
พี่สาวเธออุตส่าห์คลอดหลานออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว
เธอทำตามเป้าหมายสำเร็จแล้วนี่....

แต่ความเป็นจริงที่เธอต้องจากโลกใบนี้ไป
ไม่มีวันได้เจอกับคาเครุอีกแล้วนั้น มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน...

แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นางเอกรีบปาดเช็ดน้ำตาเธอ

ชิกิเข้ามาหาเธอ ถามหาสัญญาที่เธอสัญญากับเขาไว้?
.
.

ที่ห้องของชิกิ

นางเอกทำราเมนชามใหญ่ให้ชิกิทาน
เธอรู้สึกดีใจที่เขาทานอาหารที่เธอทำจนหมดเกลี้ยงเลย

แล้วชิกิก็มองหน้านางเอกแล้วถามว่าเธอร้องไห้เหรอ?

นางเอกเงียบ เธอไม่รู้จะตอบอะไร...

ชิกิบอก ทั้งเธอ ทั้งคาเครุ ต่างก็เหมือนกัน
แสร้งทำเป็นว่าเข้มแข็ง เก็บงำความรู้สึกแท้จริงไว้ข้างใน
มันไม่ใช่เรื่องศักดิ์ศรีหรอก แต่ทั้งเธอกับคาเครุ 
ต่างกลัวที่จะต้องสร้างความเดือดร้อนให้กับคนรอบข้าง

นางเอกบอกตัวเธอมีแต่สร้างความยุ่งยากให้กับคาเครุ…

ชิกิบอก เวลาที่คาเครุอยู่กับเธอ ดูเขามีความสุขมาก
ซึ่งไม่เคยมีใครเห็นคาเครุเป็นแบบนี้มาก่อน
มันก็จริงอยู่ ที่ตัวตนของเธอทำให้เขาต้องปั่นป่วนใจ
แต่ก็ไม่มีใครเรียกมันว่าเป็นความยุ่งยากหรอกนะ

เขาคิดว่าคาเครุได้สัมผัสความสุขเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา
ความสุขที่ผู้ชายทุกคนอยากจะรู้สึก
ความรู้สึกที่ได้เป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก

ชิกิบอกจะนอนแล้ว นางเอกเตรียมจะออกจากห้อง

ก่อนจะนางเอกจะออกจากห้องไป

ชิกิ บ่นพึมพำว่าอาหาร อร่อยมาก ขอบคุณ

นางเอกคิดในใจ ถึงแม้เธอจะต้องจากโลกใบนี้ไป...
เธอไม่สามารถลืมวันเวลาที่เธอได้อาศัยอยู่ในบ้านเดมอนนี้ได้หรอกนะ
เธอจะเก็บความทรงจำนี้ไว้ ความทรงจำที่เธอมีร่วมกับทุกคน...

0 comments :

Post a Comment