ในรูทของอาโออิ นางเอกเป็นคอลัมนิสต์ที่บริษัทของโฮชิกิ(ญาตินางเอก)
เธอรับทำหน้าที่เขียนบทความเรื่องของอาโออิ
หลังจากนางเอกตกลงใจเลือกอาโออิแล้ว
เธอรับทำหน้าที่เขียนบทความเรื่องของอาโออิ
หลังจากนางเอกตกลงใจเลือกอาโออิแล้ว
เขาก็ดีใจมาก บอกให้เธอเข้ามาคุยเรื่องงานกับเขาวันรุ่งขึ้น
.
.
..........วันต่อมา..........
นางเอกเข้าไปที่บริษัทของอาโออิเพื่อคุยเรื่องงานตามที่เขานัดไว้
เมื่อเธอไปถึงที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อถามหาอาโออิ
พนักงานประชาสัมพันธ์กลับคิดว่าเธอเป็นพวกแฟนคลับที่หาทางเข้าใกล้ศิลปิน
จึงพยายามบอกปัดปฏิเสธไม่ให้เธอเข้าพบเขา
จึงพยายามบอกปัดปฏิเสธไม่ให้เธอเข้าพบเขา
ระหว่างที่นางเอกกำลังสับสนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
อาโออิก็โผล่มา เขาจัดการแนะนำเธอให้พนักงานประชาสัมพันธ์ได้รู้จัก
แล้วเขาก็เป็นคนเทคแคร์ พานางเอกทัวร์ตึกที่ทำงาน แนะนำว่าห้องไหนเป็นห้องอะไรบ้าง
ระหว่างที่แนะนำ เขาก็คอยดูแลนางเอกอยู่ตลอดเวลา
นางเอกคิดในใจ เขาช่างเหมือนเจ้าชายจริงๆ ไม่ว่าจะกิริยาท่าทาง คำพูดคำจา
เขาทำให้เธอรู้สึกเสมือนดั่งเป็นเจ้าหญิงก็ไม่ปาน
ระหว่างที่แนะนำ อาโออิก็ถามนางเอกถึงเหตุผลที่เธออยากเข้ามาทำงานในวงการนี้?
นางเอกตอบ เธอมีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง เขาใฝ่ฝันอยากจะเป็นศิลปินมาตลอด
เขาอยากทำให้ผู้คนมีความสุขด้วยเสียงเพลงของเขา
แต่ด้วยอุบัติเหตุเมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้เขาจากไปก่อนที่จะได้ทำความฝันให้เป็นจริง
เขาอยากทำให้ผู้คนมีความสุขด้วยเสียงเพลงของเขา
แต่ด้วยอุบัติเหตุเมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้เขาจากไปก่อนที่จะได้ทำความฝันให้เป็นจริง
ดังนั้นในฐานะที่เป็นน้องสาว เธอจึงอยากจะสานฝันของเขาต่อ
ถึงแม้เธอจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับวงการนี้มากนัก
เธอไม่สามารถร้องเพลงหรืออ่านโน้ตได้
แต่เธอก็จะพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อความฝันของพี่ชายเธอ
ถึงแม้เธอจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับวงการนี้มากนัก
เธอไม่สามารถร้องเพลงหรืออ่านโน้ตได้
แต่เธอก็จะพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อความฝันของพี่ชายเธอ
อาโออิบอกขอโทษเธอ ที่เขาทำให้เธอต้องพูดเรื่องน่าเศร้าใจออกมา
นางเอกส่ายหน้าแล้วบอกเขาว่าเธอไม่เป็นไรหรอก เธอไม่คิดมากเรื่องนั้นหรอกนะ
เพราะเขาก็มีส่วนที่ทำให้ความฝันของเธอเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
อาโออินิ่งเงียบไปสักพักหนึ่ง แล้วก็พานางเอกแนะนำห้องต่อ
หลังจากอาโออิแนะนำห้องต่างๆให้นางเอกเสร็จ
อาโออิก็บอกนางเอกว่า เขามีเรื่องอยากจะขอร้องเธอ
เขาอยากให้เธอช่วยเป็นผู้จัดการของเขาชั่วคราวที เพราะตอนนี้ผู้จัดการของเขาป่วยอยู่
ไม่มีใครคอยจัดการกับตารางงานของเขาเลย เขากำลังลำบากมากๆเลยในตอนนี้
เขาอยากให้เธอช่วยเป็นผู้จัดการของเขาชั่วคราวที เพราะตอนนี้ผู้จัดการของเขาป่วยอยู่
ไม่มีใครคอยจัดการกับตารางงานของเขาเลย เขากำลังลำบากมากๆเลยในตอนนี้
นางเอกลังเลแต่เธอตอบตกลง เพราะความใจดีของเขา
ทำให้เธออยากจะช่วยเหลือเขา อะไรที่เธอพอทำได้ เธอก็จะทำเพื่อเขาอย่างเต็มที่...
ทำให้เธออยากจะช่วยเหลือเขา อะไรที่เธอพอทำได้ เธอก็จะทำเพื่อเขาอย่างเต็มที่...
.
.
หลังจากนางเอก ทำงานไปได้ช่วงเวลาหนึ่ง เธอเริ่มชินปรับตัวกับวงการได้
ในวันหยุดของเธอ จู่ๆอาโออิก็โทรหานางเอกถาม เธอว่างมั้ย? เขามีเรื่องจะคุยด้วย
นางเอกตอบรับ เธอว่าง ไม่ได้มีนัดอะไร
อาโออิเลยบอก เดี๋ยวเขาจะเข้าไปหาเธอตอนทุ่มหนึ่งนะ
นางเอกตกใจรีบปฏิเสธ เธอบอกเขา เดี๋ยวเธอจะไปหาเขาเอง
ถ้าให้เขามาหาเธอที่ห้อง แล้วมีใครเห็นเข้าจะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ
ถ้าให้เขามาหาเธอที่ห้อง แล้วมีใครเห็นเข้าจะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ
อาโออิยืนยัน เขาเป็นคนร้องขอจะคุยกับเธอเอง ยังไงเขาก็ต้องเป็นคนเข้าไปหาเธอ
เขาจะอาศัยจังหวะที่ไม่มีคนแล้วรีบเข้าไปหาเธอทันทีนะ
นางเอกจนคำตอบ เธอยอมตอบตกลง พร้อมถามว่า เขาต้องการคุยเรื่องอะไรเหรอ?
อาโออิบอก ตอนนี้เขายังบอกอะไรเธอไม่ได้ อยากให้เธอรอหน่อย
แล้วก็อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ
แล้วก็อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ
แล้วเขาก็วางสายไป
.
.
..........เวลาทุ่มหนึ่ง..........
อาโออิมาหานางเอกที่ห้องตามที่นัด
เมื่อเขาเข้ามา เขาก็ทักเธอเรื่องห้องของเธอ ท่าทางเธอจะชอบสีชมพูและแมวนะ
นางเอกตอบรับใช่ เธอชอบสีชมพูอ่อนกับแมวที่สุด
แล้วทั้งคู่ก็คุยเรื่องราวต่างนานา
จนนางเอกวนเข้าประเด็นถามว่าเขาต้องการคุยอะไรเหรอ?
จนนางเอกวนเข้าประเด็นถามว่าเขาต้องการคุยอะไรเหรอ?
อาโออิบอก เขาต้องการให้นางเอกเขียนบทความที่เป็นตัวตนของเขามากกว่านี้
อะไรที่มันค่อนข้างจะส่วนตัว
นางเอกตกใจ เธอได้รับการย้ำเสมอ
'ห้ามยุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของศิลปินโดยเด็ดขาด'
'ห้ามยุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของศิลปินโดยเด็ดขาด'
เธอเลยพูดขึ้น การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนของศิลปินเป็นข้อห้ามนะ
อาโออิบอก เขาไม่ได้หมายถึงว่าเขาต้องการจะเอาชีวิตส่วนตัวของเขาออกมาเปิดเผย
แต่เขาหมายถึงว่าเขาต้องการให้แฟนๆที่คอยสนับสนุนเขาได้ใกล้ชิดเขามากขึ้น
เขาไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าเขาอยู่ไกลเกินไป
เขาก็เลยอยากที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาเองให้มากขึ้น
นางเอกยืนยัน เธอทำไม่ได้ แค่นี้เขายุ่งมากพอแล้ว ถ้าเธอต้องไปที่บ้านเขาทุกวัน
เขาไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าเขาอยู่ไกลเกินไป
เขาก็เลยอยากที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาเองให้มากขึ้น
นางเอกยืนยัน เธอทำไม่ได้ แค่นี้เขายุ่งมากพอแล้ว ถ้าเธอต้องไปที่บ้านเขาทุกวัน
เขาก็ต้องทำงานในเวลาส่วนตัวด้วยสิ แล้วเขาจะเอาเวลาที่ไหนกันพักผ่อน มัน.....
อาโออิตอบ นั่นสินะ เขาทำท่าเหมือนว่าจะเห็นด้วยกับนางเอก และก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วเขาก็บอกกับนางเอกว่า งั้นเธอก็ไม่ต้องมาหาเขาที่บ้านทุกวัน
แต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านเขาช่วงหนึ่งแทนสิ
แต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านเขาช่วงหนึ่งแทนสิ
นางเอกตกใจถามเขากลับ เขาล้อเธอเล่นใช่มั้ย?
อาโออิมองนางเอกด้วยสีหน้าที่จริงจังแล้วบอก เมื่อนางเอกย้ายมาอยู่กับเขา
เธอก็จะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตส่วนตัวของเขา แค่นี้เขาก็จะไม่คิดว่ามันเป็นงานอีก
แถมมันก็ยังสะดวกกับนางเอกทั้งในฐานะนักเขียนและผู้จัดการด้วยไง
เธอก็จะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตส่วนตัวของเขา แค่นี้เขาก็จะไม่คิดว่ามันเป็นงานอีก
แถมมันก็ยังสะดวกกับนางเอกทั้งในฐานะนักเขียนและผู้จัดการด้วยไง
นางเอกคิดในใจ เธอไม่อยากจะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขามากนัก
แต่มันก็ใช่ว่าจะหาโอกาสแบบนี้ได้ง่ายๆ
โอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของศิลปินที่เธอชอบ!
แต่มันก็ใช่ว่าจะหาโอกาสแบบนี้ได้ง่ายๆ
โอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของศิลปินที่เธอชอบ!
นางเอกตอบรับ ถ้าเธอจะสามารถช่วยเขาได้ เธอก็ยินดี อย่างนั้นเธอก็ขอฝากเนื้อฝากตัว
อาศัยอยู่ที่บ้านเขาระยะหนึ่งด้วยแล้วกันนะ
อาโออิดีใจที่นางเอกตอบรับคำ เขาถามเธอจะย้ายไปพรุ่งนี้เลยได้มั้ย?
นางเอกตกใจ มันกะทันหันไป เธอเตรียมตัวไม่ทันนะ
อาโออิตอบ เขาอยากให้เธอปรับตัวเข้ากับบ้านของเขาให้ได้เร็วที่สุด
อย่างที่คนเขาบอกกันว่า 'จะตีเหล็กก็ต้องตีตอนที่มันยังร้อน' ไง
พรุ่งนี้เขาจะติดต่อบริษัทย้ายบ้านให้มารับของเธอทันที
อย่างที่คนเขาบอกกันว่า 'จะตีเหล็กก็ต้องตีตอนที่มันยังร้อน' ไง
พรุ่งนี้เขาจะติดต่อบริษัทย้ายบ้านให้มารับของเธอทันที
แล้วเขาก็ขอตัวกลับไปจัดเตรียมบ้านก่อน
.
.
..........วันรุ่งขึ้น..........
นางเอกเดินทางไปยังที่พักของอาโออิตามที่เขาวาดแผนที่ให้เธอ
เมื่อไปถึงก็พบเขายืนรอเธออยู่แล้วที่หน้าทางเข้าตึกคอนโด
อาโออิบอก เขามองลงมาจากหน้าต่าง แล้วเห็นนางเอกกำลังตรงมา
เขาก็เลยรีบลงมารอรับเธอที่ข้างหน้านี้
เขาก็เลยรีบลงมารอรับเธอที่ข้างหน้านี้
.
.
เมื่อเข้าไปภายในคอนโดของเขา อาโออิก็พานางเอกไปที่ห้องพักของเธอ
นางเอกตื่นเต้นกับขนาดของคอนโดและห้องของเธอมาก
เพราะแค่ห้องนอนของเธอห้องเดียวก็เท่ากับอพาทเมนท์ที่เธอพักอยู่ทั้งห้องแล้วนะ!
เพราะแค่ห้องนอนของเธอห้องเดียวก็เท่ากับอพาทเมนท์ที่เธอพักอยู่ทั้งห้องแล้วนะ!
แล้วนางเอกก็สังเกตเห็นว่าห้องนอนของเธอทั้งห้อง ตกแต่งด้วยสีชมพูอ่อน สีที่เธอชอบ
ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ผ้าห่ม แล้วยังผ้าม่าน แถมในห้องก็ยังมีกลิ่นอโรมาอ่อนๆ
อาโออิถามนางเอกว่า เธอชอบมั้ย? เขาจัดเตรียมให้เธอด้วยตัวเขาเองเลยนะ
เขาอยากให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้อยู่บ้านตัวเองน่ะ
เขาอยากให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้อยู่บ้านตัวเองน่ะ
นางเอกรู้สึกซาบซึ้งที่เขาทำให้เธอถึงขนาดนี้
อาโออิบอกเขาจะรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น เชิญนางเอกจัดเก็บข้าวของตามสบายเลย
.
.
..........เวลาผ่านไป..........
นางเอกจัดเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อย
เธอออกไปหาอาโออิที่ห้องนั่งเล่น แต่ไม่พบเขา
เธอออกไปหาอาโออิที่ห้องนั่งเล่น แต่ไม่พบเขา
เธอเลยเดินตามหาเขา จนได้ยินเสียงออกมาจากห้องๆหนึ่ง
เธอลองหมุนลูกบิดดู ประตูไม่ได้ล็อคด้วย เธอเลยลองเปิดเข้าไป แล้วก็พบกับ...
อาโออิที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ใส่กางเกงยีนส์ตัวเดียว ยืนเช็ดผม เปลือยท่อนบนอยู่
นางเอกตกตะลึงกับรูปร่างของเขา... กล้ามเนื้อที่สมส่วน... กล้ามอกที่เปลือยเปล่า...
เธอไม่เคยสังเกตมาก่อนว่ารูปร่างของเขาที่อยู่ใต้เสื้อผ้าที่สวมใส่นั้น
จะสวยงามราวกับประติมากรรมเช่นนี้ นางเอกจ้องมองเขา ตาไม่กระพริบ
จะสวยงามราวกับประติมากรรมเช่นนี้ นางเอกจ้องมองเขา ตาไม่กระพริบ
จนอาโออิทักเธอขึ้น มีอะไรเหรอ? ทำไมหน้าตาน่ารักแบบนั้นล่ะ
นางเอกได้สติขึ้นมา เธอนึกได้ว่าเธอไม่ควรจะมาจ้องมองเขาแบบนี้นะ! น่าอายจริงๆเลย!
เธอหน้าแดงรีบขอโทษเขา แล้วรีบออกจากห้องทันที
.
.
..........เช้าวันต่อมา..........
นางเอกลืมตาตื่นขึ้น แล้วพบว่าตัวเองตื่นสาย!
เธอนึกด่าตัวเองในใจ โง่จริงๆ มาอาศัยบ้านคนอื่นแล้วยังตื่นสายอีก
เธอรีบแต่งตัว แล้วไปหาอาโออิที่ห้องนั่งเล่น
เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไป กลิ่นกาแฟเตะจมูกเธออย่างจัง
เธอมองไปพบกับอาโออิกำลังชงกาแฟอยู่ แล้วบนโต๊ะก็มีอาหารเช้าวางพร้อมอยู่
อาโออิทักทายเธอด้วยรอยยิ้มที่สดใสเหมือนเคย
นางเอกรู้สึกผิด เธอรีบเข้าไปขอโทษที่เธอตื่นสาย
ทำให้เขาต้องลำบากมาทำอาหารเช้า ทั้งที่เธอควรจะเป็นคนทำให้เขา
ทำให้เขาต้องลำบากมาทำอาหารเช้า ทั้งที่เธอควรจะเป็นคนทำให้เขา
อาโออิยิ้มรับ เขาเต็มใจทำให้เธอ ไม่เป็นไรหรอก รีบทานก่อนที่มันจะเย็นดีกว่า
ทั้งคู่นั่งลงแล้วทานอาหารด้วยกัน
นางเอกชมว่าอาหารที่เขาทำอร่อยมาก
นางเอกชมว่าอาหารที่เขาทำอร่อยมาก
อาโออิยิ้มตอบรับด้วยความดีใจ เขาบอก เขาไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก
เขาก็เลยกำลังกังวลอยู่ว่ามันจะโอเคมั้ย
เขาก็เลยกำลังกังวลอยู่ว่ามันจะโอเคมั้ย
นางเอกบอก รสชาติดีมากเลย เธอดีใจที่เขาพยายามทำให้เธอ
อาโออิตอบเธอ ถ้ามันทำให้เธอมีความสุข เขาก็ยินดีทำให้เธอทุกวันเลย
นางเอกดีใจกับคำพูดของเขา ใจดี สุภาพ สง่างาม แถมยังเท่อีก
เขาช่างเหมือนดั่งเจ้าชายที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย
เวลาที่ได้อยู่กับเขา ทำให้เธอลืมวันเวลาไปเลย
เขาช่างเหมือนดั่งเจ้าชายที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย
เวลาที่ได้อยู่กับเขา ทำให้เธอลืมวันเวลาไปเลย
แล้วนางเอกก็นึกได้ถึงบทความที่เธอต้องเขียน เธอลืมไปสนิทเลย
แต่ตอนนี้เธอก็แค่อยากรู้เรื่องราวของเขาให้มากกว่านี้
แต่ตอนนี้เธอก็แค่อยากรู้เรื่องราวของเขาให้มากกว่านี้
นางเอกถาม อาโออิเวลาว่างเขาทำอะไรบ้างเหรอ?
อาโออิตอบ เขาชอบผสมน้ำหอม ดูหนัง ไม่ก็ไปคาเฟ่
นางเอกตื่นเต้น อะโรมาเธอราปีใช่มั้ย เธอเห็นในห้องเธอก็มีด้วย...
อาโออิยิ้มรับ เขาดีใจที่เธอสังเกตเห็นด้วย เขาพยายามผสมมันเพื่อเธอ เธอชอบมั้ย?
นางเอกตอบรับ เธอชอบมันมากเลย! เมื่อวานทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในห้อง
เธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่สดชื่น ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
อาโออิบอก เขาก็กังวลอยู่ว่าเธอจะชอบมันมั้ย ได้ยินแบบนี้เขาก็ดีใจ
นางเอกถามต่อ เขาดื่มแอลกอฮอล์มั้ย? อาโออิตอบ ก็มีดื่มบ้าง บางครั้งนะ
แล้วชอบดื่มอะไรเหรอ? เธอสงสัย
อาโออิบอก ส่วนใหญ่จะเป็น vin rosé เพราะรสชาติจะออกแนวผลไม้
อาโออิบอก ส่วนใหญ่จะเป็น vin rosé เพราะรสชาติจะออกแนวผลไม้
ทำให้ดื่มง่าย เดี๋ยวเขาจะซื้อมาให้เธอลองชิมครั้งหน้านะ
นางเอกตาโตดีใจ จริงเหรอ? ขอบคุณมากเลย! เธอจะรอนะ!
อาโออิยิ้มแล้วพยักหน้าตอบรับ
นางเอกถามต่อ แล้วทำไมเขาถึงอยากเริ่มต้นทำงานด้านดนตรีล่ะ?
เหตุผลเพราะใครบางคนในครอบครัวเหมือนกันกับเธอหรือเปล่า?
เหตุผลเพราะใครบางคนในครอบครัวเหมือนกันกับเธอหรือเปล่า?
อาโออิเงียบครู่หนึ่งแล้วตอบออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เปล่า... ไม่ใช่...
นางเอกรู้สึกแปลกใจ เธอนึกในใจ นี่เธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?
แล้วอาโออิก็กลับยิ้มอย่างอ่อนโยนอีกครั้งแล้วบอก
เหตุผลของเขาก็ไม่ต่างจากเธอมากนักหรอก
เขาแค่อยากจะรู้ว่าตัวเขาจะสามารถทำให้ผู้คนยิ้มได้ด้วยดนตรีของเขามั้ย
นั่นก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของเขาในอาชีพนักดนตรี
แล้วพอเขาได้เข้าสัมผัสกับโลกแห่งเสียงเพลงนี้
เขารู้สึกสนุกกับมันมาก มันเหมือนเขาได้เติมเต็มสิ่งที่เขาขาดหายไป
เหตุผลของเขาก็ไม่ต่างจากเธอมากนักหรอก
เขาแค่อยากจะรู้ว่าตัวเขาจะสามารถทำให้ผู้คนยิ้มได้ด้วยดนตรีของเขามั้ย
นั่นก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของเขาในอาชีพนักดนตรี
แล้วพอเขาได้เข้าสัมผัสกับโลกแห่งเสียงเพลงนี้
เขารู้สึกสนุกกับมันมาก มันเหมือนเขาได้เติมเต็มสิ่งที่เขาขาดหายไป
นางเอกรับฟังเขาอย่างตั้งใจ แล้วตอบรับ มันเป็นแบบนี้นี่เอง...
อาโออิยิ้มให้เธอแล้วถามเธอกลับ ว่าแต่ทั้งหมดนี่เพื่อบทความอย่างนั้นเหรอ?
นางเอกรีบปฏิเสธ เปล่านะ! ไม่ใช่! เธอแค่อยากจะรู้จักตัวตนของเขามากขึ้นเฉยๆ...
นางเอกรู้สึกตัวเธอนึกในใจ อุ้ย! นี่เธอพูดอะไรออกไปเนี่ย! น่าอายจริงๆเลย...
อาโออิขำกับท่าทีของนางเอกที่นั่งหน้าแดง อายกับคำพูดของตัวเอง
อาโออิบอก เขาดีใจนะ ที่เธอพูดตอบมาแบบนั้นนะ
เพราะถ้าเธอบอกว่า 'มันเป็นงาน' เขาก็คงจะรู้สึกช็อคน่าดูเลย
เพราะถ้าเธอบอกว่า 'มันเป็นงาน' เขาก็คงจะรู้สึกช็อคน่าดูเลย
นางเอกคิดในใจ นี่เขาหมายความว่าอย่างไงกันนะ?
นี่เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า
นี่เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า
คำพูดของเขาทำใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วนะ....
.
.
หลังจากเก็บกวาดโต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
อาโออิขอตัวออกไปทำงานก่อน
นางเอกเตรียมตัวจะไปพร้อมกับเขาในฐานะผู้จัดการ แต่เขากลับบอกให้เธออยู่บ้านซะ
นางเอกเตรียมตัวจะไปพร้อมกับเขาในฐานะผู้จัดการ แต่เขากลับบอกให้เธออยู่บ้านซะ
อาโออิบอก เธอไม่จำเป็นต้องไปกับเขาหรอก
เดี๋ยวช่วงบ่าย ข้าวของของเธอจะมาส่งนี่ อยู่รอรับแล้วจัดการให้เรียบร้อยก่อนดีกว่านะ
เดี๋ยวช่วงบ่าย ข้าวของของเธอจะมาส่งนี่ อยู่รอรับแล้วจัดการให้เรียบร้อยก่อนดีกว่านะ
เขาขอโทษด้วยที่เขาอยู่ช่วยไม่ได้
นางเอกตอบรับ ไม่เป็นไรหรอก เธอจัดการเองได้
อาโออิยิ้มรับ แล้วออกจากบ้านไป
.
.
..........ระหว่างวัน..........
นางเอกช่วยทำความสะอาดบ้านให้อาโออิ แล้วจู่ๆก็มีโทรศัพท์โทรมาเข้ามา
นางเอกไม่กล้ารับสาย
ถ้าเกิดมีใครรู้ว่ามีผู้หญิงอาศัยอยู่ที่บ้านอาโออิ จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ
ถ้าเกิดมีใครรู้ว่ามีผู้หญิงอาศัยอยู่ที่บ้านอาโออิ จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ
แล้วโทรศัพท์ก็ตัดเข้าสู่เครื่องฝากข้อความ
เสียงชายแก่พูดขึ้น อาโออิ ตัดสินใจได้แล้วนะ
เราจะปล่อยให้ทางนั้นคอยนานไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ โทรกลับหาเขาทันทีด้วย
เราจะปล่อยให้ทางนั้นคอยนานไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ โทรกลับหาเขาทันทีด้วย
นางเอกนึกในใจ สงสัยจะเป็นพ่อของอาโออิล่ะมั้ง?
.
.
..........ตกตอนเย็น..........
นางเอกทำความสะอาดห้องเสร็จเรียบร้อย และเตรียมพร้อมจะทำอาหารเย็นสำหรับทั้งคู่
เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้น อาโออิกลับมาพอดี
เขาตกใจที่เห็นห้องสะอาดขึ้น เขาถามเธอทำความสะอาดหมดนี่คนเดียวเลยเหรอ?
เขาขอโทษนะที่เขาไม่ได้อยู่ช่วยเธอเลย
นางเอกตอบ ไม่เป็นไร มันแค่เป็นสิ่งเดียวที่เธอทำตอบแทนเขาได้
อาโออิยิ้มรับแล้วถาม ระหว่างวันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า?
นางเอกบอกเขาถึงเรื่องของโทรศัพท์จากพ่อของเขา
ท่าทางของอาโออิดูเปลี่ยนไปทันที นางเอกนึกสงสัย ทำไมกันนะ?
แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
อาโออิก้มดูเบอร์ที่โทรมา แล้วทำหน้าเหมือนไม่อยากจะรับสักเท่าไร แต่เขาก็รับสาย
เขาเหล่มาทางนางเอก แล้วรีบเดินตรงไปที่ห้องนอนทันที
นางเอกเข้าใจว่า สงสัยจะเป็นเรื่องที่ไม่อยากเธอรู้ล่ะมั้ง?
เธอตัดสินใจไม่รบกวนเขา แล้วกลับไปจัดการทำอาหารเย็นต่อ
เสียงคุยของอาโออิดังขึ้นเรื่อยๆ นางเอกนึกเป็นห่วง เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ?
แล้วอาโออิก็เดินกลับเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าที่เหนื่อยสุดๆ
นางเอกเป็นห่วงถามเขา เป็นอะไรมั้ย? อาโออิตอบปัด ไม่เป็นไร เขาสบายดี
นางเอกเลยเปลี่ยนเรื่อง ถามว่าเขาหิวหรือยัง? เธอทำอาหารไว้ พร้อมจะกินเลยมั้ย?
อาโออิตกใจ อะไรนะ? เธอทำอาหารเย็นให้เขาด้วยเหรอ?
นางเอกตอบ ใช่ แต่เธอไม่แน่ใจในรสชาติมากนักนะ...
อาโออิยิ้มร่าเริงขึ้นมาทันที ขอบคุณมากเลย!
เธอคงเหนื่อยน่าดู ทำความสะอาดบ้านมาแล้ว ยังต้องมาทำอาหารเย็นอีก...
เธอคงเหนื่อยน่าดู ทำความสะอาดบ้านมาแล้ว ยังต้องมาทำอาหารเย็นอีก...
ท่าทีของเขากลับมาสดใสเหมือนเคย
นางเอกนึกในใจ คงไม่มีอะไรให้เธอต้องเป็นห่วงล่ะมั้ง...
.
.
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ
ทั้งคู่ล้างจานชามด้วยกันไป คุยกันไปพลาง แต่ท่าทีของอาโออิดูกลับเคร่งเครียด ไม่เหมือนเคย
ด้วยความเป็นห่วงนางเอกจึงตัดสินใจถามเขาว่า เขามีอะไรอยากจะคุยกับเธอมั้ย
บางทีอาจจะฟังเหมือนว่าเธอจุ้นจ้านก็ได้ แต่ถ้าเขาอยากจะบ่นอะไร บ่นกับเธอก็ได้นะ
เธอจะรับฟังมันเอง ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องอะไรก็ได้...
ถึงแม้เธอและเขาต้องอาศัยอยู่บ้านเดียวกันเพราะเรื่องของงาน
แต่เธอก็จะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาหรอกนะ
บางทีอาจจะฟังเหมือนว่าเธอจุ้นจ้านก็ได้ แต่ถ้าเขาอยากจะบ่นอะไร บ่นกับเธอก็ได้นะ
เธอจะรับฟังมันเอง ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องอะไรก็ได้...
ถึงแม้เธอและเขาต้องอาศัยอยู่บ้านเดียวกันเพราะเรื่องของงาน
แต่เธอก็จะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาหรอกนะ
แล้วถึงแม้ว่าเขาจะเล่าอะไรให้เธอฟัง เธอก็จะไม่เขียนเรื่องพวกนี้ลงไปในบทความ
หรือบอกโฮชิกิหรอกนะ เธอก็แค่คิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้ามีใครสักคนที่สามารถคุยด้วยได้
ดีกว่านั่งกลุ้มอยู่ตัวคนเดียวน่ะ...
นางเอกคิดในใจ อาโออิ ดีกับเธอมาตลอด เธอก็แค่อยากจะตอบแทนอะไรเขาบ้าง
อาโออิเงียบสักครู่ แล้วก็ถอนหายใจและพูดขึ้น เขาเข้าใจแล้ว มันคงไม่มีประโยชน์
ที่จะมานั่งกลุ้มใจอยู่คนเดียวสินะ...
อาโออิมองหน้านางเอกด้วยสีหน้าจริงจังแล้วบอก เขามีบางอย่างที่อยากจะขอร้องเธอ
อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่ก็มีแค่เธอเท่านั้นที่เขาสามารถขอร้องได้
นางเอกตอบรับอย่างเต็มใจ ถ้ามีอะไรที่เธอสามารถทำได้ ก็บอกมาได้เลย เธอเต็มใจที่จะทำให้
อาโออิบอก วันเสาร์นี้ เขาต้องการให้นางเอกไปกับเขาหน่อย ถ้าเธอไม่มีนัดอะไร....
นางเอกตอบกลับ เธอว่างอยู่แล้ว... ว่าแต่จะไปที่ไหนกันเหรอ?
อาโออิเงียบ คิดสักครู่แล้วบอก เขาต้องการให้นางเอกแสดงเป็นคู่หมั้นของเขาวันหนึ่ง
นางเอกอึ้งตกใจ เธอนึกในใจ อะไรนะ!? ว่าไงนะ?! คู่หมั้น?! นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!!??!
อาโออิยิ้มแล้วบอก ไม่แปลกหรอกที่เธอจะตกใจ ก็ในเมื่อคำขอของเขามันน่าพิลึกขนาดนี้
นางเอกบอก แน่นอนเธอตกใจ แต่มันมีเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังด้วยใช่มั้ย?
อาโออิเล่าให้นางเอกฟัง พ่อของเขาต้องการให้เขาแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ของบริษัท
เขาก็เลยบอกพ่อไปว่า เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว มันเป็นทางเดียวที่เขาจะปฏิเสธอีกฝ่าย
โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของพ่อเขา ดังนั้นเขาก็เลยอยากจะขอร้องเธอ....
นางเอกถามกลับ แล้วทำไมเขาไม่ให้แฟนของเขามาแสดงบทนี้ล่ะ?
อาโออิตอบอย่างเศร้าๆ ก็เขายังไม่มีแฟนน่ะสิ.... แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะขอร้องใครได้ด้วย
แต่เขาคิดว่าเธอน่าจะ... อีกทั้ง...
แล้วอาโออิก็จับมือนางเอก เขาพยายามจะขอร้องเธอ ได้โปรด ช่วยเขาด้วยเถอะ
นางเอกถามกลับ เขาแน่ใจแล้วเหรอที่เลือกเธอ?
อาโออิตอบกลับ มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่เขาจะพึ่งได้...
นางเอกบอก งั้นเธอจะไปกับเขาก็ได้ แต่เธอไม่รู้ว่าเธอจะช่วยเขาได้มากแค่ไหนนะ...
อาโออิตาโต หมายความว่า?
นางเอกพยักหน้าแล้วตอบ เธอตกลงจะยอมแสดงเป็นคู่หมั้นของเขา
อาโออิยิ้มดีใจออกมาพร้อมบอก ขอบคุณ! ขอบคุณมากเลย!
.
.
..........วันเสาร์ต่อมา..........
อาโออิพานางเอกมาที่ภัตตาคารระดับหรูเพื่อพบพ่อแม่เขา
นางเอกเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันทีที่ถึงหน้าภัตตาคาร
อาโออิสังเกตเห็นว่านางเอกกำลังกังวล
เขาเลยเอื้อมมือเขาไปกุมมือนางเอกไว้แน่นแล้วบอกเธอว่า ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างโอเค
เธอเป็นคู่หมั้นของเขานะ มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ
นางเอกนึกในใจ รอยยิ้มแบบนั้น... คำพูดแบบนั้น...
เขาปฏิบัติกับเธอราวกับเธอเป็นคู่หมั้นของเขาจริงๆเลย หัวใจเธอเต้นรัวจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
แล้วอาโออิก็บอก ไปกันเถอะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็อยู่ข้างๆเธอนะ
.
.
เมื่อเข้าไปในห้อง ก็พบพ่อแม่ของอาโออินั่งรออยู่
แม่ของเขาสวมกิโมโนชั้นดี ส่วนพ่อของเขาใส่สูทหรูนั่งอยู่ข้างๆเธอ
ทันทีที่นางเอกเห็นหน้าพ่อของอาโออิ เธอตกตะลึง
เขาคือประธานบริษัท Iroha Group นี่น่า!
Iroha Group บริษัทชื่อดังที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจหลายๆด้าน
และเมื่อเร็วๆนี้ก็เพิ่งบุกเข้าตลาด IT ทำให้เป็นข่าวดังมาก
ทุกคนก็เลยได้เห็นหน้าของเขาออกทีวีบ่อยครั้งช่วงนี้...แล้วนั่นก็คือพ่อของอาโออิ
Iroha Group บริษัทชื่อดังที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจหลายๆด้าน
และเมื่อเร็วๆนี้ก็เพิ่งบุกเข้าตลาด IT ทำให้เป็นข่าวดังมาก
ทุกคนก็เลยได้เห็นหน้าของเขาออกทีวีบ่อยครั้งช่วงนี้...แล้วนั่นก็คือพ่อของอาโออิ
อาโออิทักทายพ่อแม่ของเขาทั้งคู่
พ่ออาโออิพยักหน้ารับแล้วตอกกลับ ก็ตั้งแต่แกออกจากบ้านไปด้วยเหตุผลไร้สาระนั่น
แกก็ไม่ค่อยจะติดต่อมาที่บ้านเลยนี่ แล้วนี่แกเริ่มสำนึกตัวในฐานะผู้สืบทอดบ้างหรือยัง?
อาโออิเงียบแล้วบอก อย่างที่เขาแจ้งไว้ วันนี้เขาแค่อยากจะแนะนำใครบางคนให้พ่อแม่รู้จัก
อาโออิจับมือนางเอกแน่นแล้วแนะนำว่าเธอคือคู่หมั้นของเขา
นางเอกทักทายพ่อแม่ของอาโออิ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
แม่ของอาโออิมองมาที่เธอ
นางเอกรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบที่กำลังสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
แล้วแม่ของอาโออิก็ถามนางเอกขึ้นว่า ทำงานอะไรอยู่เหรอ?
นางเอกตอบ เธอเป็นคอลัมนิสต์ของบริษัท VW
อาโออิเสริมเพิ่มเติม บริษัท VW เป็นของโฮชิกิ ซึ่งทุกคนในวงการไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเขา
และนางเอกก็ยังเป็นญาติของโฮชิกิอีกด้วย
พ่อของอาโออิตอบรับอย่างไม่ค่อยสนใจ อย่างนั้นเหรอ แต่ยังไงมันก็ยังเป็นธุรกิจที่มี
ความเสี่ยงสูงอยู่ดี คาดเดาอะไรไม่ได้เลย ยากที่จะรู้ได้ถึงอนาคตของอาชีพในวงการนี้
ไม่ว่าจะนักร้องหรือนักเขียนก็เถอะ...
นางเอกตะโกนต่อต้านพ่อของอาโออิในใจ เธอโกรธแทนอาโออิจริงๆ
อาโออิยิ้มรับแล้วตอบ แต่เธอก็ขยันในการทำงาน
แล้วยังคอยสนับสนุนเขาอยู่เสมอ ทั้งในเรื่องงานและเรื่องในบ้าน
เขาไม่สามารถคิดถึงใครอื่นที่จะคอยอยู่ข้างเคียงเขาได้อีก นอกจากเธอ
แล้วยังคอยสนับสนุนเขาอยู่เสมอ ทั้งในเรื่องงานและเรื่องในบ้าน
เขาไม่สามารถคิดถึงใครอื่นที่จะคอยอยู่ข้างเคียงเขาได้อีก นอกจากเธอ
พ่ออาโออิถามกลับ แล้วแกไม่สนใจเรื่องทางบ้านมั่งเลยเหรอ?
เขาอุตส่าห์ไปทาบทามหนูซายูริมาเป็นคู่หมั้นให้แกเลยนะ
เขาอุตส่าห์ไปทาบทามหนูซายูริมาเป็นคู่หมั้นให้แกเลยนะ
อาโออิตอบกลับอย่างหน้าเรียบๆ มันไม่สำคัญหรอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร
ยังไงนางเอกก็เป็นเพียงคนเดียวที่เขาต้องการ
ยังไงนางเอกก็เป็นเพียงคนเดียวที่เขาต้องการ
นางเอกคิดในใจ ถึงแม้ว่ามันเป็นแค่เรื่องโกหกก็ตาม แต่เธอก็ตื้นตันกับคำพูดของเขาเหลือเกิน
อาโออิบอกพ่อแม่ของเขา ที่เขามาวันนี้ก็เพื่อบอกแค่นี้ล่ะ ขอตัวก่อนนะ
แล้วอาโออิก็ลุกขึ้นจูงมือนางเอกออกจากห้องไปกับเขา
.
.
..........ที่ร้านอาหาร..........
หลังจากออกจากร้านอาหารที่นัดเจอพ่อแม่เขา
อาโออิก็พานางเอกมาทานข้าวที่อีกร้านอาหารหนึ่งแทน
เขาบอก เรื่องวันนี้ต้องขอบคุณนางเอกมากเลย แล้วเขาก็ต้องขอโทษเธอด้วย
เกี่ยวกับเรื่องพ่อของเขา มันคงทำให้เธอรู้สึกแย่มากเลยสินะ
นางเอกตอบ ไม่เป็นไรหรอก เธอถามเขากลับคิดว่าพ่อแม่ของเขาจะเชื่อเรื่องนี้มั้ย?
อาโออิยิ้มรับ แน่นอนสิ ก็เธอเป็นคู่หมั้นเขานี่น่า
แถมเธอยังเกือบจะช่วยเขาเถียงพ่อเขากลับแทนเขาอีกด้วย เขาดีใจมากเลยนะ
นางเอกคิดในใจ เขารู้ด้วย...
อาโออิบอก ขอโทษด้วยที่เขาไม่ได้บอกอะไรเรื่องครอบครัวของเขามาก่อน...
เขาเป็นทายาทคนเดียวของ Iroha Group พ่อของเขาต่อต้านเขาเรื่องดนตรีมาโดยตลอด
พ่อต้องการให้เขารับช่วงสืบทอดกิจการต่อ
แล้วก็แต่งงานกับ ซายูริ ลูกสาวของประธานบริษัท Global Media
แล้วก็แต่งงานกับ ซายูริ ลูกสาวของประธานบริษัท Global Media
นางเอกตาโตนึกในใจ นั่นเป็นบริษัทที่ดังพอๆกันกับ Iroha Group เลยนะ...
นี่ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงคุณหนูตระกูลร่ำรวยขนาดนั้น แล้วเธอจะเทียบได้อย่างนั้นเหรอ...
นี่ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงคุณหนูตระกูลร่ำรวยขนาดนั้น แล้วเธอจะเทียบได้อย่างนั้นเหรอ...
อาโออิบอก ไม่มีใครรู้เรื่องนี้มากนัก นอกจากยูกิริ เพื่อนของเขา กับเธอเท่านั้น
เขาอยากให้เธอเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
นางเอกถามกลับ แล้วทำไมเขาถึงเลือกเธอกันล่ะ?
อาโออิยิ้มรับ เพราะอยู่กับเธอแล้ว เขารู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูกน่ะสิ
.
.
ทั้งคู่นั่งแท็กซี่กลับบ้านด้วยกัน
และอาจจะเป็นเพราะความเครียดในวันนี้
หลังจากนางเอกดื่มแอลกอฮอล์ไปแค่เล็กน้อย เธอก็รู้สึกเมาเสียแล้ว
หลังจากนางเอกดื่มแอลกอฮอล์ไปแค่เล็กน้อย เธอก็รู้สึกเมาเสียแล้ว
เธอและอาโออินั่งอยู่ที่เบาะหลังด้วยกัน แล้วอาโออิก็เรียกชื่อเธอขึ้นมา
ในขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่อ่อนโยนสัมผัสกับริมฝีปากเธอ
เธอลืมตาขึ้นแต่ยังไม่ตื่นดีนัก เธอเห็นใบหน้าที่สวยงามของอาโออิอยู่ต่อหน้าเธอ
เธอคิดในใจ ทำไมเขาถึงเข้ามาใกล้เธอจัง?
อาโออิมองตานางเอกแล้วบอก ทำไมเธอถึงเกิดมาพร้อมกับใบหน้าที่ตรงใจเขาแบบนี้นะ?
เขากระซิบคำพูดที่แสนหวานเบาๆข้างหูเธอ แล้วก็จูบเธออีกครั้งหนึ่ง
นางเอกตามเรื่องราวทั้งหมดไม่ค่อยทัน แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างลึกเขาไปในใจเธอ...
เธอพยายามจะดึงตัวเองกลับ แต่เธอก็ฝืนความรู้สึกภายในใจเธอไว้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว...
เธอรักเขาเข้าแล้ว...อาโออิ
.
.
..........วันต่อมา..........
นางเอกและอาโออิออกไปทำงานด้วยกัน
วันทั้งวันที่เธอทำงานนั้น ในหัวของเธอยังคงสับสนกับเรื่องที่เกิดเมื่อคืน
อาโออิจูบเธอเหรอ...? หรือว่าเธอแค่ฝันไป...?
แต่เขาก็ไม่ได้ทักหรือพูดถึงอะไรเลยนะ...? เธอก็ควรเงียบตามเขาใช่มั้ยนะ...?
.
.
..........หลังเลิกงาน..........
ระหว่างที่ทั้งคู่อยู่รถบนพร้อมกับเหล่าสตาฟ กำลังเดินทางกลับ
พ่อของอาโออิก็ได้โทรเข้ามาหาเขา พร้อมนัดเจออย่างกะทันหัน
อาโออิปฏิเสธไม่ได้จึงต้องยอมตอบตกลงไป เขาเลยบอกคนขับรถว่าให้แวะส่งเขาที่ที่หนึ่ง
สตาฟถามกลับว่า จะให้ไปส่งนางเอกที่บ้านก่อนมั้ย?
อาโออิบอกไม่ต้อง เพราะเขาจะพาเธอไปด้วย
อาโออิและนางเอกแวะลงที่กลางทางก่อนไปที่นัดหมาย
อาโออิอธิบายสถานการณ์ให้เธอฟัง ซายูริไม่ยอมรับคำปฏิเสธของเขา
เธอยืนยันจะขอพบนางเอกให้ได้ พ่อของอาโออิไม่มีทางเลือก
จึงต้องนัดเขาอย่างกะทันหันแบบนี้
เธอยืนยันจะขอพบนางเอกให้ได้ พ่อของอาโออิไม่มีทางเลือก
จึงต้องนัดเขาอย่างกะทันหันแบบนี้
แล้วเขาก็ขอโทษนางเอกที่ทำให้เธอต้องเดือดร้อนด้วยอีกครั้ง
นางเอกตอบรับ ไม่เป็นไรหรอก เธอตัดสินใจว่าจะช่วยเขาอยู่แล้ว ยังไงเธอก็จะช่วยให้ถึงที่สุด
แล้วทั้งคู่ก็เข้าไปซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยน ก่อนจะไปที่ภัตตาคารที่นัดหมายไว้
.
.
..........ที่ภัตตาคาร..........
เมื่อไปถึงก็พบกับ พ่อของอาโออิกับชายวัยกลางคนในชุดสูทอย่างดี
และข้างๆเขาก็เป็นหญิงสาวผมดำยาวในชุดหรู
นางเอกคิดในใจ นั่นคงเป็น ซายูริและพ่อของเธอ ประธานบริษัท Global Media
อาโออิกล่าวทักทายพ่อของซายูริ และแนะนำนางเอกให้เขารู้จักในฐานะคู่หมั้น
ซายูริจ้องมองมาที่นางเอกพร้อมบอก
เธออุตส่าห์คาดหวังไว้มากมายกับผู้หญิงที่อาโออิเลือกเป็นคู่หมั้น...
แต่นี่ดูเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปนี่น่า
แล้วเธอก็ยิ้มอย่างเย็นชา ทำราวกับว่านางเอกไม่มีตัวตน
เธออุตส่าห์คาดหวังไว้มากมายกับผู้หญิงที่อาโออิเลือกเป็นคู่หมั้น...
แต่นี่ดูเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปนี่น่า
แล้วเธอก็ยิ้มอย่างเย็นชา ทำราวกับว่านางเอกไม่มีตัวตน
อาโออิพูดกลับ เขาเลือกนางเอก ที่เธอเป็นเธอ ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่เพราะเธอเข้าใจเขา
คอยอยู่เคียงข้างเขา และคอยสนับสนุนเขามาตลอด มากกว่าทุกๆคนที่เขาเคยเจอมา
ซายูริตอกกลับ วงการดนตรีไรนี่ คงทำให้รสนิยมของเขาเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ
นางเอกทนไม่ไหว เธออ้าปากจะเถียงแทน แต่อาโออิจับมือเธอไว้ ต้องการให้เธอใจเย็นลง
แล้วอาโออิก็มองหน้าซายูริแล้วบอก เขาซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองเสมอ
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะทุ่มเททั้งกายและใจให้คนที่เขารักและแคร์มากที่สุด
เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาก็จะไม่เปลี่ยนใจโดยเด็ดขาด ได้โปรด เข้าใจเขาด้วย
ทุกคนในห้อง ได้แต่นั่งฟังอาโออิอย่างเงียบๆ
อาโออิพูดต่อ เขาเชื่อว่าซายูริจะหาผู้ชายที่ดีกว่านักดนตรีไม่มีอนาคตอย่างเขาได้แน่ๆ
ซายูริระเบิดอารมณ์ใส่ แล้วเขาจะต้องเสียใจ!
ถ้าเขาทำกับเธอแบบนี้ เธอไม่รับผิดชอบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างนะ!
แล้วเธอก็หันไปบอกพ่อของเธอ พ่อค่ะ! ได้ยินแล้วใช่มั้ย?
บริษัทที่มีผู้รับช่วงต่อเป็นแบบนี้ เราจะไว้ใจได้ยังไง! เราควรเลิกติดต่อกับพวกเขาได้แล้ว!
ถ้าเขาทำกับเธอแบบนี้ เธอไม่รับผิดชอบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างนะ!
แล้วเธอก็หันไปบอกพ่อของเธอ พ่อค่ะ! ได้ยินแล้วใช่มั้ย?
บริษัทที่มีผู้รับช่วงต่อเป็นแบบนี้ เราจะไว้ใจได้ยังไง! เราควรเลิกติดต่อกับพวกเขาได้แล้ว!
พ่อซายูริ ปรามลูกสาวให้หยุดโวยวายซะที เห็นแก่หน้าของเขาบ้าง
ซายูริน้ำตาไหล วิ่งร้องไห้ออกจากห้องไป
พ่อซายูริกล่าวขอโทษทั้งอาโออิและนางเอกแทนลูกสาว
ตอนนี้เขาเข้าใจสถานการณ์ดีแล้ว แล้วก็ขออวยพรให้ทั้งคู่มีความสุข
ตอนนี้เขาเข้าใจสถานการณ์ดีแล้ว แล้วก็ขออวยพรให้ทั้งคู่มีความสุข
แล้วทั้งคู่ก็ขอตัวกลับ
นางเอกคิดในใจ คำพูดของเธอยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ
เขาดูจริงจังกับคำพูด ตอนที่เขาบอกเรื่องของเขากับเธอให้ซายูริฟัง
จนเหมือนกับว่าเขากำลังพูดความจริงในใจออกมา
เขาดูจริงจังกับคำพูด ตอนที่เขาบอกเรื่องของเขากับเธอให้ซายูริฟัง
จนเหมือนกับว่าเขากำลังพูดความจริงในใจออกมา
.
.
..........เย็นวันหนึ่ง..........
นางเอกอยู่บ้านตามลำพัง อาโออิโทรชวนเธอให้ออกมาทานข้าว เขาบอกว่าเขาอยู่กับยูกิริด้วย
.
.
นางเอกมาถึงร้านอาหาร เธอทักทายยูกิริ
ระหว่างนางเอกทานอาหาร ทั้งยูกิริและอาโออิต่างคุยกันเรื่องงานเพลงของพวกเขา
นางเอกเหม่อไปชั่วขณะ เธอคิดถึงเรื่องเมื่อวาน... เรื่องที่อาโออิพูดออกมา...
เธอรู้สึกดีใจแต่ก็สับสนไปในตัว เธอและเขาอยู่ด้วยกันก็เพราะงาน
และตอนนี้พ่อของเขาก็ไม่ยุ่งกับเขาเรื่องการแต่งงานอีกแล้ว
มันก็ไม่มีความไม่จำเป็นที่เธอต้องแสดงเป็นคู่หมั้นของเขาอีก
เธอรู้สึกดีใจแต่ก็สับสนไปในตัว เธอและเขาอยู่ด้วยกันก็เพราะงาน
และตอนนี้พ่อของเขาก็ไม่ยุ่งกับเขาเรื่องการแต่งงานอีกแล้ว
มันก็ไม่มีความไม่จำเป็นที่เธอต้องแสดงเป็นคู่หมั้นของเขาอีก
อาโออิเห็นนางเอกนิ่งไปเลยเป็นห่วง เขาถามเธอเป็นอะไรไป? อาหารไม่อร่อยเหรอ...
นางเอกตอบปฏิเสธ เปล่า เธอแค่กำลังคิดอะไรอยู่นิดหน่อย...
แล้วจู่ๆ ยูกิริก็แหย่นางเอกขึ้นมา เธอไม่สนใจอยากจะลองออกเดทกับเขาหน่อยเหรอ?
ยังไงทั้งเธอกับอาโออิก็ไม่ได้คบกันนี่น่า มันก็ไม่ผิดที่เขาจะขอโอกาสลองดูบ้างนะ
นางเอกเงียบเธอไม่รู้จะตอบอะไรยังไงดี...
อาโออิเงียบสักครู่ แล้วเขาก็...
อาโออิโอบไหล่นางเอกเข้ามาแนบชิดตัวเขา
ยูกิริตกใจถามออกมา นี่พวกเขาคบกันอยู่จริงเหรอ?
นางเอกหน้าแดงพูดอะไรไม่ออก เธอไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดีกับท่าทางของเขาแบบนี้
เธอไม่เข้าใจอาโออิจริงๆเลยในตอนนี้
อาโออิตอบ เขากับนางเอกยังไม่ได้คบกันแบบนั้นเลย
นางเอกคิดในใจ 'ยัง' อย่างนั้นเหรอ?
มันเป็นคำที่ฟังดูแล้วไม่เคลียร์เอาซะเลยนะ! ยูกิริต้องเข้าใจผิดแน่ๆ!
มันเป็นคำที่ฟังดูแล้วไม่เคลียร์เอาซะเลยนะ! ยูกิริต้องเข้าใจผิดแน่ๆ!
ยูกิริไม่เชื่อคำของอาโออิ เขายังคงสงสัยทั้งสองคน
.
.
..........ระหว่างทางกลับบ้าน..........
อาโออิและนางเอกเดินกลับมาด้วยกัน
แล้วจู่ๆอาโออิก็พูดออกมาว่า เขาชอบคนที่มีรอยยิ้มที่น่ารักนะ
นางเอกนึกสงสัยกับในคำพูดของเขา เขาหมายความว่าไงกันนะ?
เธอจึงไปมองหน้าเขาตอบ
เธอจึงไปมองหน้าเขาตอบ
อาโออิบอกต่อ ไม่ว่าจะในช่วงเวลาลำบากแค่ไหน ที่เขาต้องการก็แค่คนที่มีรอยยิ้มแบบนั้น
เขาชอบคนที่ยิ้มง่าย ยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ้มออกมาจากใจที่แท้จริง...
ภายใต้แสงจันทร์ อาโออิมองตรงมาที่ดวงตาของเธอ
เขายิ้มเหมือนกับทุกที แต่ดวงตาของเขา ช่างดูจริงจังเหลือเกิน
จนทำเอาเธอหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย
เขายิ้มเหมือนกับทุกที แต่ดวงตาของเขา ช่างดูจริงจังเหลือเกิน
จนทำเอาเธอหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย
แล้วอาโออิก็เรียกชื่อนางเอกพร้อมบอกว่า รอยยิ้มของเธอสวยงามเสมอเลยนะ...
นางเอกใจเต้นแรงทันทีที่อาโออิเขาเรียกชื่อเธอ เธอสับสันกับสิ่งที่เขาพูด ที่เขาพูดถึงนี่..
เขาหมายถึงเธอเหรอ!? เขาจะบอกว่าเขาชอบเธอเหรอ? หรือยังไงกันนะ? เธอไม่เข้าใจเลย..
แล้วอาโออิก็จูงมือเธอ เดินกลับเข้าบ้านด้วยกัน
ความอบอุ่นจากมือส่งผ่านมาที่เธอ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เธอควรจะทำอย่างไรดี?
เธอชอบเขาได้มั้ย? แล้วเขาชอบเธอบ้างมั้ยนะ?....
.
.
..........วันต่อมา..........
นางเอกอยู่บ้านคนเดียว อาโออิออกไปทำงาน
เธอเอาแต่คิดถึงคำพูดของอาโออิเมื่อคืนนี้... เขาต้องการสื่อถึงอะไรกันนะ?
เขาบอกเขาชอบคนที่ยิ้มสวย แล้วก็เขาก็บอกว่าเธอยิ้มสวย..
เขาพูดแบบไม่คิดอะไร? หรือมีความหมายแอบแฝงกัน?
ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งสับสน ไม่เข้าใจเขาเอาเสียเลย
ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งสับสน ไม่เข้าใจเขาเอาเสียเลย
ระหว่างที่นางเอกเหม่อลอย มือถือเธอก็ดังขึ้น
หน้าจอโชว์เบอร์แปลกๆที่เธอไม่รู้จัก ใครกันนะ? เธอรับสาย
หน้าจอโชว์เบอร์แปลกๆที่เธอไม่รู้จัก ใครกันนะ? เธอรับสาย
สายปริศนาทักทายเธอ ว่าไง ไม่ได้คุยกันสักพัก เสียงเธอยังฟังดูงี่เง่าเหมือนเคยเลยนะ
นางเอกตกใจ เธอคิดในใจ ใครกันเนี่ย!? แต่เธอว่าเสียงนี้มันคุ้นๆอยู่นะ
นางเอกถามกลับ ขอโทษนะค่ะ ไม่ทราบนั่นใครค่ะ?
สายปริศนาบอก ฉันเองไง ลืมกันแล้วเหรอ? แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้คุยทางโทรศัพท์สินะ
นางเอกสับสน เธอนึกไม่ออกจริงๆว่าใครกัน เธอถามเขาอีกรอบ
สายปริศนาเฉลยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ฉันเอง! โยกะไง! ที่เจอกันที่งานแต่งงานไง!
นางเอกนึกออกทันที เธอรีบขอโทษเขากลับทันที พอดีเธอไม่รู้ว่าเบอร์ใคร...
นางเอกถามต่อ แล้วเขารู้เบอร์มือถือเธอได้ยังไง?
โยกะบอก เขาได้เบอร์เธอมาจากโฮชิกิ เผอิญเมื่อวานเขาได้เจอกับโฮชิกิ
ก็เลยได้คุยกันหลายๆเรื่อง รวมถึงเรื่องของเธอด้วย ได้ข่าวว่าเธออาศัยอยู่กับอาโออิเหรอ?
นางเอกคิดในใจ โฮชิกินะ! พูดออกมาทำไมกันนะ!
เธอตอบโยกะไปที่เธออาศัยอยู่กับอาโออิก็เพราะงาน แค่งานเท่านั้น
โยกะนึกสงสัย จริงเหรอ? ไม่ใช่ว่าพวกเธอกำลังเดทกันอยู่เหรอ?
นางเอกรีบปฏิเสธ ไม่มีทางเด็ดขาด! อาโออิไม่มีทางเลือกคนอย่างเธอหรอก...
นางเอกคิดในใจ เธอพยายามบอกตัวเองแบบนี้มาตลอด คนที่ดีพร้อมอย่างเขา...
ไม่มีทางที่จะมาสนใจคนแบบเธอหรอก...
ไม่มีทางที่จะมาสนใจคนแบบเธอหรอก...
นางเอกเงียบไปจนโยกะรู้สึกกังวล เขาเลยถามเธอขึ้นมา มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?
ถ้าเธออยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ เขาจะอยู่ช่วยรับฟังให้นะ
นางเอกตอบปฏิเสธ ไม่เป็นไร เธอสบายดี
โยกะทำเสียงผิดหวัง อะไรกัน... เขาอุตส่าห์พยายามใจดีด้วยนะ
นางเอกเงียบ เธอคิดในใจ มันไม่ใช่เรื่องที่จะบอกใครได้ง่ายๆเลยนะ
แล้วโยกะก็พูดขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ เธอนี่ ทำตัวน่าสงสัยจริงนะ แต่ก็ช่างมันเหอะ...
ว่าแต่ว่าเธอว่างมั้ย? เขามีอะไรอยากจะคุยด้วยหน่อย
นางเอกนึกสงสัย เขามีเรื่องอะไรจะคุยกันนะ แต่เธอก็ตอบตกลงไป
ทั้งคู่นัดไปเจอกันที่คาเฟใกล้ๆแถวนั้น
.
.
..........ที่คาเฟ่..........
นางเอกกับโยกะทักทายกัน
แล้วโยกะก็ทักขึ้นมาว่า เธอมีอะไรกังวลใจหรือเปล่า? พูดให้เขาฟังได้นะ
นางเอกคิดสักพักหนึ่งก็ตัดสินใจพูดออกมาเธอถามโยกะไปในสถานการณ์สมมุติ
เขาจะทำอย่างไรถ้าเกิดคนที่เขาชอบกำลังชอบเขาอยู่เหมือนกัน?
แบบคนคนนั้นอาจจะไม่เคยบอกตรงๆว่าชอบ...
แต่ในบางสถานการณ์ก็เหมือนกับว่าคนคนนั้นก็อาจจะชอบเขาอยู่ก็ได้...
เขาจะทำอย่างไรถ้าเกิดคนที่เขาชอบกำลังชอบเขาอยู่เหมือนกัน?
แบบคนคนนั้นอาจจะไม่เคยบอกตรงๆว่าชอบ...
แต่ในบางสถานการณ์ก็เหมือนกับว่าคนคนนั้นก็อาจจะชอบเขาอยู่ก็ได้...
โยกะฟังแล้วเขาก็ยิ้มออกมาพร้อมบอกนางเอกว่า เธอลืมเรื่องพื้นๆอะไรไปหรือเปล่า?
นางเอกสงสัย อะไรเหรอ?
โยกะบอก เธอบอกว่าเธอชอบเขาใช่มั้ยล่ะ? แล้วทำไมเธอไม่บอกความรู้สึกของเธอออกไปล่ะ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบเธอกลับ แต่มันก็ดีกว่ามานั่งคิดเอาเองคนเดียวใช่มั้ยล่ะ...
นางเอกเงียบ เธอคิดในใจ จริงด้วย ที่เขาพูดมามันก็ถูก
เธอเอาแต่คิดถึงแต่ในมุมมองของเธอฝ่ายเดียว
เธอควรจะบอกความรู้สึกของเธอให้อาโออิได้ฟัง
ก่อนที่จะมานั่งคิดพยายามเข้าใจความรู้สึกของเขา...
เธอเอาแต่คิดถึงแต่ในมุมมองของเธอฝ่ายเดียว
เธอควรจะบอกความรู้สึกของเธอให้อาโออิได้ฟัง
ก่อนที่จะมานั่งคิดพยายามเข้าใจความรู้สึกของเขา...
นางเอกดีใจที่ตาสว่างซะที เธอบอกขอบคุณโยกะ
เขาพูดถูก เธอควรจะได้บอก ความรู้สึกของเธอออกไปก่อน...
เขาพูดถูก เธอควรจะได้บอก ความรู้สึกของเธอออกไปก่อน...
โยกะยิ้มให้เธอ
นางเอกถามเขากลับ เห็นว่าเขามีเรื่องจะคุยกับเธอนี่ มีอะไรเหรอ?
โยกะบอก เรื่องนั้นน่ะเหรอ ไม่มีอะไรแล้ว เขาเปลี่ยนใจล่ะ...
นางเอกคิดในใจ หรือเขาเป็นห่วงเธอเลยเรียกเธอออกมาคุยกันนะ?
แล้วทั้งคู่ก็คุยกันเรื่องต่างๆนานามากมาย นางเอกรู้สึกเหมือนกับว่า
เธอรู้จักโยกะมานานแล้ว เขาคุยด้วยง่ายและใจดีอีกด้วย...
เธอรู้จักโยกะมานานแล้ว เขาคุยด้วยง่ายและใจดีอีกด้วย...
ถึงแม้ตอนแรกจะดูน่ากลัวก็เหอะ
ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น...
นางเอกก็รู้สึกเหมือนเธอได้ยินเสียงชัทเตอร์จากกล้อง เธอหันไปมองหาต้นตอของเสียง
โยกะถาม มีอะไรเหรอ?
นางเอกบอก เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงชัทเตอร์น่ะ
โยกะบอกเธอ มันก็ธรรมดานี่ ในเมื่อทุกคนต่างกำลังถ่ายรูปกันอยู่
เมื่อนางเอกมองไปรอบๆร้าน สาวบางคน บ้างก็ถ่ายรูปของหวาน บ้างก็ถ่ายรูปตัวเองกับเพื่อน
นางเอกจึงสลัดความคิดออกไป คงไม่มีอะไรล่ะมั้ง...?
ทั้งคู่พูดคุยต่อจนใกล้จะเย็นแล้วก็ขอตัวแยกกัน
นางเอกตรงกลับเข้าบ้าน ไปเตรียมอาหารเย็นให้เรียบร้อย
แล้วก็รีบไปรออาโออิที่บริษัท เธอตั้งใจจะบอกความรู้สึกของเธอให้เขาฟังให้ได้
แล้วก็รีบไปรออาโออิที่บริษัท เธอตั้งใจจะบอกความรู้สึกของเธอให้เขาฟังให้ได้
.
.
..........ที่หน้าบริษัท..........
อาโออิเดินออกมาเจอนางเอก
นางเอกทักทายเขา แต่เขาตอบกลับเธอด้วยสีหน้าแปลกๆ เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
ธรรมดาไม่ว่าเขาจะเหนื่อยแค่ไหน เขาก็ยิ้มอยู่เสมอ แต่วันนี้เขากลับไม่ยิ้มเลยสักนิด...
เขาเป็นอะไรกันนะ? หรือว่าเขาจะหิวกัน?
นางเอกบอก วันนี้เธอทำสตูว์เนื้อไว้ด้วยนะ
อาโออิไม่มองหน้านางเอก แล้วตอบกลับด้วยเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
...ขอโทษนะ แต่เขาไม่อยากได้อะไรที่เธอทำเพื่อโยกะหรอกนะ
...ขอโทษนะ แต่เขาไม่อยากได้อะไรที่เธอทำเพื่อโยกะหรอกนะ
นางเอกสงสัย ไม่เข้าใจที่เขาพูด เธอถามเขา โยกะ? ทำไมเหรอ?
อาโออิตอบ เขาไม่รู้มาก่อนว่าเธอกับโยกะสนิทกันด้วย... วันนี้เขาได้รับรูปนี้มา
แล้วอาโออิก็หยิบมือถือขึ้นมา พร้อมโชว์รูปให้เธอดู เป็นรูปที่วันนี้เธอกับโยกะคุยกันที่คาเฟ่
ในรูปทั้งคู่กำลังหัวเราะกันอยู่ แล้วจากมุมกล้องก็ดูเหมือนทั้งคู่กำลังกุมมือกันด้วย
นางเอกนึกถึงเสียงชัทเตอร์ในตอนนั้นทันที
เธอพยายามจะแก้ความเข้าใจผิด นี่มันไม่ใช่แบบนั้น พวกเธอแค่มีเรื่องปรึกษากันเฉยๆ...
อาโออิบอก แต่ดูท่าทางเธอกำลังสนุกอยู่นะ
นางเอกตอบกลับ เขาเข้าใจผิดแล้ว! พวกเธอแค่...
อาโออิตัดบท ขอโทษนะ แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยมาก ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง
แล้วเขาก็เดินจากไปเหมือนไม่อยากจะได้ยินอะไรจากนางเอกอีก... ปล่อยเธอทิ้งไว้ตามลำพัง...
.
.
..........2-3วันต่อมา..........
หลังจากวันนั้นที่เธอได้เจอกับโยกะแล้วอาโออิเข้าใจผิดเรื่องของเธอกับโยกะ
เธอก็ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้คุยกับอาโออิสักเท่าไร ผู้จัดการตัวจริงเขากลับมาทำหน้าที่แล้ว
สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็แค่เขียนบทความให้เสร็จลง
เพราะโฮชิกิเองก็เริ่มบ่นเรื่องงานที่ไม่คืบหน้าเลย
เพราะโฮชิกิเองก็เริ่มบ่นเรื่องงานที่ไม่คืบหน้าเลย
เธอจะเขียนออกมาดีได้อย่างไรกันในตอนนี้...
เวลาที่นึกถึงช่วงเวลาที่เธอและเขามีความสุขและสนุกไปด้วยกัน... มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
เมื่อใดที่เธอพยายามจะเขียนบรรยายคำพูดออกมา
ก็มีแต่ภาพรอยยิ้มของเขา... ความอ่อนโยนของเขา... ลอยวนเวียนอยู่แต่ในหัวเธอ
เขาเป็นคนดูดี ทำอะไรก็สมบูรณ์แบบไปซะหมด แล้วยังมีด้านที่ขี้เล่นด้วยอีก...
เธอตกใจในตอนแรกที่ได้รู้เรื่องครอบครัวของเขา แต่เธอก็ดีใจที่ได้ถูกแนะนำว่าเป็นคู่หมั้นเขา
แต่ทุกๆอย่างก็คงต้องจบลง หลังจากบทความนี้เสร็จ...
เธอและเขา ต่างต้องกลับสู่เส้นทางชีวิตปกติของตนเอง
เธอและเขา ต่างต้องกลับสู่เส้นทางชีวิตปกติของตนเอง
มันก็คงจะง่ายกว่านี้ ถ้าทุกๆอย่างมันมีแต่เรื่องดีๆ ความทรงจำที่ดี ที่มีร่วมกัน
แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขา...
นางเอกพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป
เธอเตรียมจะออกไปทำงาน แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นซองเอกสารสีขาวที่ตู้จดหมาย
เธอเปิดดูพบกับตั๋วคอนเสิร์ตของอาโออิ
พร้อมกับแผ่นโน้ตที่เขียนด้วยลายมือตัวเขาเอง 'เขาจะรอนะ'
พร้อมกับแผ่นโน้ตที่เขียนด้วยลายมือตัวเขาเอง 'เขาจะรอนะ'
นางเอกเช็คตั๋วดู ตั๋วระบุวันที่เป็นวันนี้
เธอนึกได้ วันนี้เป็นคอนเสิร์ตวันสุดท้ายของอาโออินี่น่า!
มือเธอเริ่มสั่น ใจเธอเจ็บแปลบ... เธอตั้งใจว่าจะตัดใจแล้วนี่น่า... ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?
เธออยากจะลืมเรื่องราวทั้งหมดซะ... แต่เธอก็โกหกความรู้สึกของตัวเองไม่ได้จริงๆ!...
เธออยากจะเจอเขาเหลือเกิน!
.
.
..........ที่คอนเสิร์ต..........
นางเอกรีบพุ่งตรงที่คอนเสิร์ตทันที แฟนๆเริ่มทยอยเข้านั่งตามที่นั่งของตน
นางเอกเดินตรงไปนั่งตามที่นั่งในตั๋วระบุ
นี่มันตรงกลางของแถวหน้าสุดเลยนี่น่า! แบบนี้อาโออิก็ต้องเห็นเธอสิ!
นี่มันตรงกลางของแถวหน้าสุดเลยนี่น่า! แบบนี้อาโออิก็ต้องเห็นเธอสิ!
แสงไฟเริ่มหรี่ลง... อินโทรเพลงของอาโออิดังขึ้น...
เสียงกรี้ดจากแฟนเพลงก็กระหึ่มจากทุกทิศทาง
แล้วอาโออิก็โผล่ออกมา พร้อมกับเสน่ห์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพของเขา
เธอรู้สึกได้ เธอถูกมนต์สะกดด้วยการแสดงที่แพรวพราวของเขาเข้าอย่างจัง...
เขาเป็นคนที่อยู่คนละโลกกับเธอจริงๆ
เขาป็อปจริงๆเลยนะ เสียงคุ้นๆทักนางเอก พอเธอหันไปก็พบกับยูกิรินั่งอยู่ข้างเธอ
ยูกิริพูดต่อ ทั้งเสื้อผ้า การแสดง และทุกอย่างที่เขาจัดการ มันช่างน่าทึ่งอยู่เสมอ
เห็นแบบนี้ยิ่งทำให้เขาไม่อยากจะแพ้อาโออิเลยจริงๆนะ
นางเอกคิด จริงอย่างที่ยูกิริพูด อาโออิน่าทึ่งเสมอเมื่ออยู่บนเวที...
ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเขาอยู่โลกเดียวกันกับเธอมาตลอด
แต่พอเห็นเขาส่องประกายอยู่บนเวทีแบบนี้แล้ว
ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเขาอยู่โลกเดียวกันกับเธอมาตลอด
แต่พอเห็นเขาส่องประกายอยู่บนเวทีแบบนี้แล้ว
มันน่าอายจริงๆที่เธอคิดไปเอง เข้าใจผิดไปเองแบบนั้นมาโดยตลอด
พรุ่งนี้เธอและเขาก็จะกลับไปอยู่โลกของตัวเอง เธอต้องกลับไปโลกของเธอ
อาศัยที่อพาทเมนท์เดิม ทำงานเป็นนักเขียนที่บริษัท VW เหมือนเดิม...
แต่เธอก็รู้สึกดีใจที่อย่างน้อย เธอและเขาก็เคยได้มีความทรงจำที่ดีร่วมกัน
.
.
..........ช่วงท้ายของคอนเสิร์ต..........
อาโออิจับไมค์พูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม ขอบคุณทุกๆคนที่มาในวันนี้
เขาบอกมีเรื่องสำคัญ จะประกาศให้ทุกคนทราบ
เขาบอกมีเรื่องสำคัญ จะประกาศให้ทุกคนทราบ
ทั้งคอนเสิร์ตเงียบกริบ เฝ้ารอคำพูดของเขา
แล้วอาโออิก็พูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง เรื่องมันออกจะกะทันหันไปหน่อย
แต่เขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด
ทั้งคอนเสิร์ตเต็มไปด้วยเสียงกรี้ดสุดเสียง
นางเอกรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจ
นางเอกรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจ
ในที่สุดเขาก็ตอบตกลงแต่งงานกับซายูริแล้วสินะ มันคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วล่ะ...
แล้วน้ำตานางเอกก็ไหลออกมา เธอรู้ว่านี่มันเป็นสิ่งดีที่สุดสำหรับเขา
แต่เธอก็เจ็บปวดเหลือเกิน เธอทนอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว...
แต่เธอก็เจ็บปวดเหลือเกิน เธอทนอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว...
นางเอกลุกขึ้น เตรียมจะกลับ
เดี๋ยวก่อนสิ! ยูกิริรีบคว้ามือเธอไว้ แล้วมองหน้าเธอด้วยหน้าตาเคร่งเครียด
นางเอกบอก เธอไม่สามารถทำอะไรให้เขาได้อีกแล้ว...
เธอไม่สมควรที่จะได้อยู่ที่นี่ ปล่อยเธอไปเถอะ!
เธอไม่สมควรที่จะได้อยู่ที่นี่ ปล่อยเธอไปเถอะ!
ยูกิริไม่ปล่อยพร้อมบอก ทำไมล่ะ? ถึงมันจะแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่เธอก็อาศัยอยู่กับเขา
แล้วยังแสดงเป็นคู่หมั้นเขาอีกด้วย เธอควรที่จะรับผิดชอบ โดยการอยู่ให้จนถึงตอนจบสิ
นางเอกพยายามขอร้องให้ ยูกิริปล่อยเธอไปซะ...
ยูกิริไม่สนใจ เขาพยายามอธิบายเหตุผลให้เธอฟัง
อาโออิต้องผ่านเวลาที่ยากลำบากแค่ไหน กว่าเขาจะตัดสินใจได้ เธอต้องอยู่ต่อสิ
อาโออิต้องผ่านเวลาที่ยากลำบากแค่ไหน กว่าเขาจะตัดสินใจได้ เธอต้องอยู่ต่อสิ
นางเอกโต้กลับ เธอก็เหมือนกัน ตอนนี้เธอก็ลำบากเหมือนกัน!
ยูกิริไม่ยอม แค่อยู่จนจบก็แค่นั้น! แล้วเธอจะเสียใจถ้าเธอไปตอนนี้!
นางเอกยืนยัน เธอไม่เสียใจ... ยังไงเธอก็จะไป
นางเอกคิดในใจ เธอเสียใจมาตลอดเวลา! ถ้าเธอรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ มันก็คงจะดีเสียกว่า
ถ้าเธอยอมแพ้เรื่องอาโออิ แล้วไม่ต้องมาพบเขาที่คอนเสิร์ตนี้...
ถ้าทุกอย่างจะกลับกลายเป็นแบบนี้ เธอคงเลือกคนอื่นแทนเขา
แล้วเธอก็คงไม่ต้องจบลงด้วยความเสียใจมากขนาดนี้...
มันเป็นความผิดของเธอเอง ที่เผลอใจชอบอาโออิไป
ถ้าทุกอย่างจะกลับกลายเป็นแบบนี้ เธอคงเลือกคนอื่นแทนเขา
แล้วเธอก็คงไม่ต้องจบลงด้วยความเสียใจมากขนาดนี้...
มันเป็นความผิดของเธอเอง ที่เผลอใจชอบอาโออิไป
นางเอกขอร้องยูกิริอีกครั้ง ได้โปรด ปล่อยเธอไป...
ยูกิริเริ่มหงุดหงิด ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจสักทีนะ!
ตามใจเธอก็แล้วกัน! อยากทำอะไรก็ทำ! แล้วเขาก็ยอมปล่อยมือเธอ
ตามใจเธอก็แล้วกัน! อยากทำอะไรก็ทำ! แล้วเขาก็ยอมปล่อยมือเธอ
นางเอกรีบวิ่งพุ่งตรงไปที่ประตูทางออกทันที เธอได้ยินเสียงอาโออิดังขึ้น
แล้วอาโออิที่อยู่บนเวทีก็พูดต่อ เขาคิดเรื่องนี้อยู่นานว่าจะประกาศออกไปดีมั้ย
เขาคงทำให้ทุกๆคนสับสนมากเลยสินะ
แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าเขาอยากจะบอกเรื่องนี้กับทุกคนด้วยตัวเขาเอง
เขาคงทำให้ทุกๆคนสับสนมากเลยสินะ
แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าเขาอยากจะบอกเรื่องนี้กับทุกคนด้วยตัวเขาเอง
ทั้งฮอลล์ต่างเต็มไปด้วย เสียงสะอึกสะอื้นจากแฟนเพลงของเขา
บางคนถึงขนาดคร่ำครวญร้องไห้ออกมา
บางคนถึงขนาดคร่ำครวญร้องไห้ออกมา
อาโออิบอก เขาขอโทษถ้าเขาทำให้ทุกคนลำบากใจ
นี่เป็นการตัดสินใจของเขาเอง และเขาก็ยังไม่ได้บอกผู้จัดการด้วย
สุดท้ายนี้ มันมีสิ่งหนึ่งที่เขาอยากจะพูดออกมา...
นี่เป็นการตัดสินใจของเขาเอง และเขาก็ยังไม่ได้บอกผู้จัดการด้วย
สุดท้ายนี้ มันมีสิ่งหนึ่งที่เขาอยากจะพูดออกมา...
ทั้งฮอลล์ต่างใจจดใจจ่อกับสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกมา
นางเอกพยายามจะเดินออกไปที่นี่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอถึงขยับตัวไม่ได้กัน...
นี่เขาจะพูดอะไรเหรอ? หยุดทำให้เธอวุ่นวายใจเสียที...
นี่เขาจะพูดอะไรเหรอ? หยุดทำให้เธอวุ่นวายใจเสียที...
อาโออิเอ่ยขึ้น คู่หมั้นของเขา...
ทุกคนในฮอลล์ต่างมองไปทั่วทุกทิศทางเพื่อค้นหาคนที่อาโออิเอ่ยถึง
นางเอกมองตาม ซายูริอยู่นี่ที่ด้วยเหรอ?
แล้ววินาทีต่อมา... นางเอกแทบไม่เชื่อหูตัวเอง สิ่งที่เธอได้ยิน....
ชื่อเธอ..... อาโออิเอ่ยชื่อเธอขึ้นมา!
นางเอกตกตะลึง คิดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนจ้องกลับไปที่เวที
เขาพูดชื่อเธอเหรอ? ทำไมล่ะ? นี่เธอฟังผิดไปหรือเปล่าเนี่ย??
เขาพูดชื่อเธอเหรอ? ทำไมล่ะ? นี่เธอฟังผิดไปหรือเปล่าเนี่ย??
อาโออิพูดต่อ ถึงมันจะใช้เวลานานไปหน่อยที่จะพูดมันออกมา แต่เขาก็ต้องการเธอจริงๆ
ถึงเราทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม แต่เขาก็โกหกความรู้สึกตัวเองไม่ได้
ถึงเราทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม แต่เขาก็โกหกความรู้สึกตัวเองไม่ได้
นางเอกต่อว่าเขาในใจ ไม่ยุติธรรมเลย... ขี้โกงชัดๆ...
ทั้งๆที่เธอเพิ่งจะยอมแพ้ตัดใจจากเขา แต่ตอนนี้เขากลับ...
เธอไม่รู้ควรจะทำอย่างไรต่อไปดีแล้ว...
นี่มันไม่ใช่ความฝันใช่มั้ย? เธอเชื่อคำพูดเขาได้ใช่มั้ย?
ทั้งๆที่เธอเพิ่งจะยอมแพ้ตัดใจจากเขา แต่ตอนนี้เขากลับ...
เธอไม่รู้ควรจะทำอย่างไรต่อไปดีแล้ว...
นี่มันไม่ใช่ความฝันใช่มั้ย? เธอเชื่อคำพูดเขาได้ใช่มั้ย?
ยูกิริตรงเข้ามาหานางเอกแล้วบอก อาโออิรอเธออยู่นะ เธอไปหาเขาเองได้ใช่มั้ย?
นางเอกพูดอะไรไม่ออกได้แต่พยักหน้าตอบเขา เธอตรงไปที่เวทีโดยเหล่าสตาฟช่วยนำทางเธอ
อาโออิยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนเคย เมื่อเห็นหน้าเธอ เขายื่นมือออกมาเพื่อช่วยพยุงเธอขึ้นเวที
อาโออิบอกขอบคุณที่เธอมานะ เขาพูดกับเธอโดยตรง มีแค่เธอเท่านั้นที่ได้ยิน
นางเอกพยักหน้าตอบรับเขา
อาโออิพูดต่อ ตอนนี้พอมาคิดให้ดี เขามีเรื่องมากมายที่ยังไม่ได้บอกเธอ
เขาหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมา จ้องตรงไปที่ดวงตาของนางเอกพร้อมบอกรักเธอ
นางเอกพยายามจะพูดอะไรออกมาเพื่อตอบกลับเขา
แต่เขาก็เอานิ้วชี้วางที่ปากเขา เหมือนต้องการสื่อว่าเธอไม่ต้องพูดอะไรออกมาหรอก
แต่เขาก็เอานิ้วชี้วางที่ปากเขา เหมือนต้องการสื่อว่าเธอไม่ต้องพูดอะไรออกมาหรอก
อาโออิพูดต่ออีกครั้ง ได้โปรดแต่งงานกับเขานะ
ดวงตานางเอกเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมา เธอทำได้แค่พยักหน้าตอบรับเขาไม่ยอมหยุด
อาโออิดึงเธอเข้ามากอด
นางเอกพูดขึ้น เธอรอช่วงเวลานี้มานานเหลือเกิน
อาโออิยิ้มแล้วตอบ เขาก็เหมือนกัน
เสียงปรบมือดังกระหึ่มไปทั่วฮอลล์
นางเอกนึกขึ้นได้ นี่เธอยังอยู่บนเวทีนี่น่า เธอรีบผละตัวออกจากอาโออิ
แล้วพยายามมองไปรอบๆเพื่อแก้เขินแทน
แล้วพยายามมองไปรอบๆเพื่อแก้เขินแทน
เสียงปรบมือยังคงก้องไปทั่วฮอลล์
นางเอกรู้สึกดีใจ นี่พวกเขายอมรับเธอเหรอ?
อาโออิเรียกชื่อเธอ แล้วดึงเธอเข้ามากอดอีกครั้ง
พร้อมบอก เขาต้องการเธอ เขาไม่ได้โกหก เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกแล้ว
พร้อมบอก เขาต้องการเธอ เขาไม่ได้โกหก เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกแล้ว
นางเอกตอบรับ เธอก็เหมือนกัน...
ทั้งคู่บอกรักกันและกัน แล้วสวมกอดกันแน่นกว่าเดิม
เสียงปรบมือยิ่งดังขึ้นยิ่งกว่าเดิม
.
.
..........ที่ห้องพักทีมงาน หลังเวที..........
ทั้งคู่โดนผู้จัดการเทศใส่ชุดใหญ่ทันทีที่กลับเข้ามา
เหล่าสตาฟต้องรับมือกับสายนักข่าวที่โทรเข้ามา กลุ่มนักข่าวที่รออยู่ภายนอกอาคาร
และยังกองทัพแฟนเพลงที่รอคำตอบเรื่องนี้อยู่
และยังกองทัพแฟนเพลงที่รอคำตอบเรื่องนี้อยู่
ผู้จัดการตัดสินใจจัดงานแถลงข่าวอย่างเร่งด่วน เขาสั่งให้สตาฟแจ้งกับนักข่าวและทุกคนไป
อาโออิหันมามองหน้านางเอกแล้วบอก เขาขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกอะไรเธอเลย
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับโยกะ เขาก็เลยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี...
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับโยกะ เขาก็เลยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี...
นางเอกตอบอย่างตื่นเต้น เธอเซอร์ไพรส์มากๆเลย! จนหัวใจเธอแทบจะเกือบหยุดเต้น!
แต่...เธอก็มีความสุขมากเลยนะ
อาโออิยิ้มให้เธอแล้วค่อยๆจูบเธอ
นางเอกรู้สึกได้ถึงความกังวลบนโลกนี่หายไปทันทีที่ริมฝีปากเธอและเขาสัมผัสกัน
เธอค่อยๆหลับตาลงรับจุมพิตจากเขา
นี่ทั้งสองคนช่วยคิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้กันบ้างได้มั้ยเนี่ย!
ผู้จัดการบ่นทั้งสอง พร้อมถอนหายใจ
ผู้จัดการบ่นทั้งสอง พร้อมถอนหายใจ
เหล่าสตาฟยิ้มแล้วบอก ช่างพวกเขาเถอะ... ดูพวกเขามีความสุขกันดีออก
ผู้จัดการถอนหายใจอีกครั้งแล้วบอก ก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดตอนนี้แล้วล่ะ...
ทั้งสองไม่สนใจอะไรรอบข้าง พวกเขาหลุดไปโลกที่มีแค่เขาและเธอเท่านั้น
ทั้งคู่ต่างจ้องตากันด้วยความรัก ความห่วงใยที่มีซึ่งกันและกัน...
เส้นทางที่เขาและเธอเลือกเดิน อาจจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไง...
ตราบใดที่อาโออิยังอยู่ข้างกายเธอ เธอรู้สึกได้ว่าเขาและเธอจะผ่านมันไปด้วยกันได้
เธอมองเข้าไปในดวงตาที่อ่อนโยนของเขา แล้วเขาก็ดึงเธอเข้ามาจูบกันอีกครั้ง
จูบที่แสนอ่อนโยน เธอหลับตาเพื่อสัมผัสถึงรสจูบจากเขา
จูบที่แสนอ่อนโยน เธอหลับตาเพื่อสัมผัสถึงรสจูบจากเขา
ผู้จัดการตะโกนบอกทั้งคู่ ได้เวลาแถลงข่าวแล้ว! ช่วยเก็บไปต่อกันทีหลังเหอะนะ!
หล่อจุงเบยค่าาาา *0* เสียดายเค้าใช้แอนด๋อยอ่าาา ฮือๆๆๆๆ
ReplyDeleteเดี๋ยวถ้าแอนดอย์ออกจะรีบแจ้งนะจ้า ><
ReplyDelete